เย็นไว้โยม "ครูลิลลี่" เตือนสติ !! อย่าให้ค่ากับคำพูดของคนคนเดียว

2019-01-22 14:30:35

เย็นไว้โยม "ครูลิลลี่" เตือนสติ !! อย่าให้ค่ากับคำพูดของคนคนเดียว

Advertisement

วงการการศึกษาระดับอุดมศึกษาฉาวอีก หลังมีการสร้างแคมเปญ บนเว็บไซต์ change.org เรื่อง "ขอให้คณะ​ครุศาสตร์​ จุฬา​ฯ ตรวจสอบพฤติกรรม​เหยียดเพศในชั้นเรียนของ อ.นิรันดร์​ แสงสวัสดิ์"​ ทั้งนี้ มีนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นผู้สร้างแคมเปญ เพื่อเรียกร้องไปยัง อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้มีอำนาจตัดสินใจ



โดยเนื้อหาได้ระบุว่า ขอให้คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรม ผศ.ดร.นิรันดร์ แสงสวัสดิ์ (อ.พิเศษ ของรายวิชาจิตวิทยาการศึกษาและจิตวิทยาสำหรับครูฯ) กำชับไม่ให้สอนความคิดเหยียดเพศ และเปิดโอกาสให้นิสิตในชั้นเรียนโต้แย้งและถกเถียงอย่างเป็นวิชาการ เสรี และไม่มีผลต่อผลการศึกษา






เนื่องด้วยล่าสุด มีบทความออนไลน์หัวข้อ “ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่นิสิตคณะครุศาสตร์จะ “ไม่นิ่งเฉย” ต่อทัศนคติเหยียดเพศของอาจารย์วิชาจิตวิทยาฯ” (อ่านบทความดังกล่าวได้ที่ http://nisitreview.com/309?fbclid=IwAR24t8OatiGZSPP6uV3-vMimYteRcLms4m75eC9NACfLVHjD1m6xX1KQtw0 และมีอัลบั้มข้อความออนไลน์หัวข้อ “35 ปีที่ผ่านมานี้ คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ สอน “จิตวิทยาความเป็นครูฯ” อย่างไรกัน..?” (ดูที่ https://www.facebook.com/645916519119571/posts/772964766414745/)​ โดยกล่าวถึงคำพูดหน้าชั้นเรียนและทัศนคติของ ผศ.ดร.นิรันดร์ แสงสวัสดิ์ (อ.พิเศษ ผู้สอนรายวิชาบังคับของคณะครุศาสตร์) ซึ่งเป็นทัศนคติเหยียดเพศทั้งหญิงข้ามเพศ





เช่น “ครุศาสตร์ที่ให้พวกกะเทยมาเรียนก็บุญแล้ว” “พวกตุ๊ดไม่สมควรได้เรียนหนังสือ ไปแก้ไขตัวเองให้ได้ก่อน” “กะเทยเป็นพวกวิปริตผิดเพศ ไม่สมควรจะเป็นครู” หรือเหยียดชายข้ามเพศ เช่น “ผมรับได้กับทอมที่อยากแมนแบบผู้ชาย แต่รับไม่ได้กับพวกกะเทยที่เป็นผู้ชายอยู่แล้วแท้ ๆ กลับไปตุ้งติ้งเป็นหญิง” “ทอมเนี่ย ถ้าโดนผู้ชายขืนใจสักครั้งสองครั้ง รับรองติดใจ เปลี่ยนพฤติกรรม กลับเป็นหญิงแน่นอน” หรือเหยียดคุณค่าของผู้หญิง เช่น “ผู้หญิงที่จะเล่นซอสามสาย ต้องเป็นคนสวยตามฐานะของเครื่องดนตรี” เป็นต้น





นอกจากนั้น บทความนี้ยังกล่าวถึงการใช้อำนาจความเป็นครูที่ไม่เหมาะสม ทั้งการใช้ทัศนคติเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศของตนเองพิจารณาตัดสินความผิดในฐานะกรรมการที่ควรจะมีความเป็นธรรม เขาเคยกล่าวว่า “มีนิสิตชายคนหนึ่งถูกฟ้องว่าทำร้ายร่างกายตุ๊ดซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน ...ก็คือผู้ชายอ่ะเนอะ เดิน ๆ ไปเหลือบเห็นอะไรขวางลูกหูลูกตา เห็นอะไรผิดปกติ มันก็ต้องทนไม่ได้ ต้องเข้าไปเตะต่อยสักยกสองยก ให้เรียนรู้ว่ามันไม่สมควรมีชีวิตอยู่แบบนั้นต่อหน้าผู้ชายอย่างเรา ...ผมเป็นกรรมการ ผมก็พยายามพลิกระเบียบหาช่องทางให้ชายคนนั้นถูกตัดคะแนนน้อยที่สุด เพราะถ้าเป็นผม ผมคงลงไม้ลงมือจัดการกับตุ๊ดพวกนี้ให้หนักกว่านั้นอีกหลายเท่า” และการประเมินผลนิสิตตามอำเภอใจ ไม่ใช้เกณฑ์การประเมินผลที่กำหนดไว้ในประมวลรายวิขา (Course Syllabus) โดยเขาเคยกล่าวว่า “อย่าให้เจอนิสิตที่มีพฤติกรรมแปลก ๆ ในห้องนี้ ผมเคยเจอก็หลายคน ผมให้ F พวกนี้ทุกคนโดยไม่ต้องตรวจข้อสอบไฟนอล หรือสนใจคะแนนที่พวกนั้นสะสมมา” เป็นต้น



ผศ.ดร.นิรันดร์ แสงสวัสดิ์ เป็นผู้สอนคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ นานมากกว่า ๓๕ ปี เขาสอนทัศนคติเหยียดเพศโดยไม่เคยเปิดโอกาสให้นิสิตในชั้นเรียนได้โต้แย้งหรือตั้งคำถาม เขาไม่เคยรับฟังคำร้องหรือเหตุผลของนิสิตที่มีความคิดแตกต่างทั้งเรื่องเพศและเรื่องอื่น ๆ เช่น เขายืนยันว่า “วาฬเป็นปลา” เพราะคนไทยเรียกว่าปลาวาฬ เราเป็นคนไทย ไม่ควรรับแนวคิดฝรั่ง เป็นต้น เขาใช้ทัศนคติเหยียดเพศของตนเองประกอบการยื่นคำร้องให้คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ทบทวนมติการอนุญาตให้นิสิตหลากหลายทางเพศแต่งกายตามอัตลักษณ์ทางเพศของตนได้ ซึ่งมีผลให้คณะกรรมการบริหารฯ คณะครุศาสตร์มีมติยกเลิกสิทธิดังกล่าวของนิสิต (อ่านเรื่องราวของมติดังกล่าวต่อได้ที่ ) (ปัจจุบัน หลังจากการเรียกร้องตามลิงก์ดังกล่าว จุฬาฯ ก็มีคำสั่งทุเลามติการยกเลิกสิทธินั้นชั่วคราวแล้ว) นอกจากนั้น เขายังใช้อำนาจความเป็นครูอย่างไม่เหมาะสมทั้งในอดีตและปัจจุบันด้วยความภาคภูมิใจ





ในนามของกลุ่มนิสิตคณะครุศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์​ คณะรัฐศาสตร์ และเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจการเคารพให้เกียรติกันในสังคมไทย การเรียนรู้เพื่อยอมรับความแตกต่างหลากหลายของคนในสังคม และการใช้อำนาจของครูในชั้นเรียนอย่างเหมาะสม จึงขอเรียกร้องให้คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรม ผศ.ดร.นิรันดร์ แสงสวัสดิ์ พร้อมทั้งกำหนดวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม กำชับอาจารย์ไม่ให้สอนความคิดเหยียดเพศและต้องเปิดโอกาสให้นิสิตในชั้นเรียนได้โต้แย้งและถกเถียงอย่างเป็นวิชาการ เสรี และไม่มีผลต่อผลการศึกษาของนิสิต



ทั้งนี้ เพื่อยับยั้งไม่ให้ความคิดเหยียดเพศเหล่านี้ถูกส่งต่อจากอาจารย์ในชั้นเรียนไปสู่นิสิตครูและอาจส่งต่อไปยังนักเรียนในโรงเรียนต่อไป

ขอแสดงความนับถือ​



กลุ่มนิสิตคณะครุศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์​ คณะรัฐศาสตร์ และเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจการเคารพให้เกียรติกันในสังคมไทย




งานนี้ทำเอาเหล่าคนบันเทิงซึ่งมีชื่อเสียงถือว่าเป็นคนที่สังคมไทยส่วนใหญ่รู้จัก ออกมาแสดงความคิดกันเห็นอย่างมากมาย หลายคนอยากเตือนสติและขอเคลื่อนไหวบางอย่างเกี่ยวกับการแสดงออกของบุคคลที่ใช้คำนำหน้าว่า "อาจารย์" ว่าการเลือกปฏิบัติกับนิสิตเพศที่สาม หรือเพศทางเลือกนั้นเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่ 



ล่าสุด "อาจารย์ กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์" หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า "ครูลิลลี่" ซึ่งเธอมีจิตวิญญาณแห่งความเป็นครูอยู่เต็มเปี่ยม และเป็นครูสอนพิเศษวิชาภาษาไทยที่ "สถาบันกวดวิชาพินนาเคิล" ทั้งนี้ คุณครูลิลลี่เองก็เป็นศิษย์เก่าที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (รุ่น 24 - รุ่นเดียวกับ สมพล ปิยะพงศ์สิริ) เอกวาทวิทยาและสื่อสารการแสดง โดยครูลิลลี่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกัับเรื่องนี้ ผ่านรายการ "แฉข่าวเช้า" ทางวิทยุคลื่น 94.00 EFM ว่า




"ต้องบอกว่า เขาเป็นอาจารย์พิเศษ เราจะไปเดือดร้อนอะไรกับคำพูดแค่นี้ เพราะท่านก็เป็นคนหนึ่งคนที่มีความคิดเห็นที่อาจแตกต่างจากคนอื่นทั่วๆ ไปในสังคม เราจะต้องคำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่ ดูที่กระแสสังคม เพราะคนคนหนึ่งตัดสินชีวิตเราไม่ได้ อย่าไปให้ค่ากับคำพูดของคนแค่คนเดียว เขาไม่ใช่ศาลที่มาพิพากษาชีวิตของใครได้ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมค่ะ"

ครูคิดยังไงกับอาจารย์คนนี้ที่ไม่ให้นิสิตที่มีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดแต่งกายได้ตามอัตลักษณ์ ?
มันเป็นความเห็นของคนคนหนึ่งน่ะค่ะ เราก็เคารพสิทธิของกันและกัน เราไม่ขอก้าวก่าย แต่ขอให้เขาเคารพสิทธิของผู้อื่นบ้าง ไม่ว่าความคิดของเขาจะดีชั่วยังไง เขาก็จะต้องเคารพสิทธิของนิสิตและเด็กๆ ทุกคนต้องรักกันนะคะ



แล้วที่เขาบอกว่า ถ้าเบี่ยงเบนแบบนี้ไม่ถูกส่งไปช็อตไฟฟ้า หรือพาไปพบจิตแพทย์ก็ถือว่าโชคดีแล้ว ?
เมื่อเช้าได้ฟังคำสอนของหลวงพ่อคูณมาว่า "จะดีจะชั่วมันอยู่ที่ตัวเรา คนคนนั้นจะพูดหรือจะทำอะไรก็ตามไม่สามารถทำให้เราดีขึ้นหรือชั่วลงได้ เขาพูดอะไรก็เรื่องของเขา เราไม่รับขี้ก้อนนั้นก็เป็นของเขา"

"อย่าไปคิดอะไรมาก เพราะเดี๋ยวนี้ใครพูดอะไรนิดหน่อยก็ขึ้นได้ ฉะนั้นเราต้องไตร่ตรองสิ่งที่เขาพูดว่ามันจริงไหม เราเป็นอย่าที่เขาพูดหรือเปล่า อย่าไปตามอารมณ์มาก ใจเย็นๆ มีสติ"



"การที่เราจะแคร์คำพูดของใครก็ตาม คนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่มีศีลมีธรรม ถ้าเราไปแคร์คำพูดของโจร เราคิดดูสิว่ามันควรมั้ย"