แม่ทัพภาค 4 ลงพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ นอนวัดปลอบขวัญให้กำลังใจชาวบ้าน หลังเจ้าอาวาสพร้อมพระลูกวัดวัดรัตนานุภาพ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ถูกยิงมรณภาพ 2 รูป ล่าสุดพระลูกวัดบาดเจ็บปลอดภัยแล้ว โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าระบุทราบกลุ่มคนร้ายแล้วอยู่ระหว่างติดตามจับกุม
จากกรณีคนร้ายกว่า 10 คนบุกเข้าโจมตีภายในวัดรัตนานุภาพ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ทำให้พระภิกษุมรณภาพและได้รับบาดเจ็บหลายรูป
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ผู้สื่อข่าว จ.นราธิวาส รายงานบรรยากาศในวัดรัตนานุภาพ เช้าวันนี้ว่า มีประชาชนและบรรดาลูกศิษย์เดินทางเข้ามายังวัดเป็นจำนวนมากหลังจากทราบข่าวเจ้าอาวาสวัดพร้อมลูกวัดมรณภาพ 2 รูป โดยตั้งแต่เมื่อกลางดึกวันที่ 18 ม.ค. พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์พร้อมนอนพักค้างคืนที่ วัดรัตนานุภาพเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้าน โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานในพื้นที่ พร้อมอยู่เป็นเพื่อน พูดคุยปลอบขวัญชาวบ้านจนถึงเช้า รวมทั้งได้สั่งการให้ทุกหน่วยบูรณาการกำลังร่วมกับกำลังภาคประชาชนเข้าดูแลความปลอดภัยวัดและชุมชนล่อแหลม เพื่อสร้างความอุ่นใจและความมั่นใจในความปลอดภัย
สำหรับพระภิกษุที่มรณะภาพเมื่อคืนนี้มีจำนวน 2 รูป คือท่านเจ้าอาวาสซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอและพระลูกวัด ส่วนอีก 2 รูปได้รับบาดเจ็บได้นำส่ง รพ.สุไหงโกลก ขณะนี้อาการปลอดภัยอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยในวันนี้ 19 ม.ค. ทางวัดจะมีพิธีรดน้ำศพพระทั้ง 2 รูปเวลา 15.00 น.
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการสร้างกระแสในสังคมออนไลน์ให้เกิดความเกลียดชังระหว่างพี่น้องไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่ จึงอยากขอร้องทุกคนอย่าตกหลุมพลางของกลุ่มผู้ก่อเหตุด้วยการใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ ซึ่งเราจะไม่ให้มีการใช้กระบวนการนอกกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหามากขึ้น สิ่งที่กังวลหลังจากนี้ คือ เกรงว่าผู้ก่อเหตุจะเข้าไปทำร้ายผู้นำศาสนาอิสลามเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างกัน ขณะนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ได้แจ้งเตือนไปยังผู้นำศาสนาอิสลามผ่านฝ่ายปกครอง เนื่องจากทุกครั้งที่ผ่านมาเมื่อมีการเกิดเหตุลักษณะนี้ มักจะมีการไปยิงโต๊ะอิหม่ามแล้วโยนความผิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่บ้าง เป็นการกระทำของพี่น้องไทยพุทธบ้าง เพื่อให้เกิดความเกลียดชังซึ่งกันและกัน
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะสร้างความรู้สึกทางจิตใจเป็นอย่างมากต่อพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ รวมถึงพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ด้วย แต่ในฐานะหน่วยงานของรัฐเราไม่สามารถใช้มาตรการนอกกฎหมายเข้าจัดการได้ แต่เราจะใช้มาตรการด้านกฎหมายขั้นเด็ดขาดเพื่อจัดการกับคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้เราทราบเบาะแสของคนร้ายแล้วว่าเป็นกลุ่มใด อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อติดตามจับกุมต่อไป