“ศรีสุวรรณ”ฟ้องศาลปกครองปมฝุ่นพิษ

2019-01-17 12:05:53

“ศรีสุวรรณ”ฟ้องศาลปกครองปมฝุ่นพิษ

Advertisement

“ศรีสุวรรณ”นำชาว กทม.ฟ้องศาลปกครอง ระบุคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี ผู้ว่าฯ กทม.ละเลยปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้เกิดฝุ่นพิษ พร้อมสั่งให้ กทม.เป็นเขตควบคุมมลพิษ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 ม.ค. ที่ศาลปกครองกลาง นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พร้อมด้วยชาว กทม.จำนวน 41 คน เดินทางมายื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อฟ้องคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เป็นจำเลยที่ 1 นายกรัฐมนตรีที่ 2 และผู้ว่าฯ กทม. ที่ 3 ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการเกิดวิกฤตปัญหาฝุ่นพิษ หรือ PM2.5 แพร่กระจายเกินมาตรฐานปกคลุม กทม.และปริมณฑลมาหลายสัปดาห์ จนเป็นเหตุให้ประชาชนเจ็บป่วย และก่อปัญหาตามมามากมาย โดยที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาแหล่งกำเนิดมลพิษต่าง ๆ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ รวมทั้งไม่มีมาตรการหรือแผนงานที่สามารถจับต้องได้เป็นรูปธรรมในระยะยาวได้ หากปล่อยไปก็อาจจะเกิดวังวนของปัญหาเช่นนี้กลับมาอีกในแต่ละปี ซึ่งจะกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้



นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และชาว กทม.จึงรวมตัวกันนำความมายื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษา ดังนี้ 1.ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ใช้อำนาจตามมาตรา 59 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 ประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดให้ท้องที่ กทม.เป็นเขตควบคุมมลพิษเพื่อดำเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ภายใน 30 วันนับแต่ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดหรือเป็นที่สุด 2.ขอให้ศาลมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยให้ผู้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 9 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 สั่งดังนี้ (1) สั่งให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ รวมทั้งกทม. กระทำหรือร่วมกันกระทำการใด ๆ อันจะมีผลเป็นการควบคุม ระงับ หรือบรรเทาผลร้ายจากอันตรายและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากฝุ่นพิษหรือ PM 2.5 นั้นได้อย่างทันท่วงที ในกรณีที่ทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้ก่อให้เกิดภาวะมลพิษดังกล่าว ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งบุคคลนั้นไม่ให้กระทำการใดอันจะมีผลเป็นการเพิ่มความรุนแรงแก่ภาวะมลพิษในระหว่างที่มีเหตุภยันตรายดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ภายใน 3 วันนับแต่ศาลมีคำสั่ง(2)สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดออกประกาศ กำหนดมาตรการห้ามเผาไร่อ้อยเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต และห้ามเผาซังนาข้าวหลังการเก็บเกี่ยว และบังคับใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม เฉกเช่นเดียวกันกับผู้ว่ากำแพงเพชร ภายใน 3 วัน

 

3.ให้ผู้ว่าฯกทม. ใช้อำนาจตามมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2550 และกฎหมายเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง 2535 ในการออกมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการระงับและป้องกันการแพร่กระจายของฝุ่นละอองขาดเล็กหรือฝุ่นพิษ PM 2.5 พร้อมกับการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับฝุ่นพิษ หรือ PM 2.5 ในพื้นที่ของ กทม.ให้ได้มากที่สุด และออกคำสั่งห้ามมีการตัดต้นไม้บริเวณทางเท้าริมถนนโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะเป็นการตัดแต่งเพื่อความสวยงามและหรือป้องกันอุบัติภัยเท่านั้น ทั้งนี้ตามระยะเวลาที่ศาลเห็นสมควร