การชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ ล่วงเลยเข้าสู่วันที่ 23 แล้ว กลายเป็นการชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
การปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐบางส่วน หรือชัตดาวน์ จากกรณีข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ที่ขอเงินจำนวน 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ย่างเข้าสู่วันที่ 23 แล้วในวันอาทิตย์นี้ ทำให้กลายเป็นการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลกลางที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ซึ่งก็ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ขณะที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ เตือนว่า ปัญหาการชัตดาวน์จะยืดเยื้อยาวนาน และตำหนิพรรคเดโมแครต
ทรัมป์ทวิตข้อความว่า รัฐบาลจะต้องพยายามต่อไปอีกนาน จนกว่าพรรคเดโมแครตจะกลับมาจากช่วงวันหยุดพักผ่อน และเริ่มปฏิบัติหน้าที่ ส่วนพรรคเดโมแครต กล่าวว่า ทรัมป์ปิดหน่วยงานรัฐ เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่ได้ดังใจ ด้วยการปฏิเสธลงนามกฎหมายงบประมาณของ 2 พรรคเมื่อปีที่แล้ว ที่ไม่ได้จัดสรรเงินงบประมาณในการสร้างกำแพงไว้ด้วย
การปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งเริ่มต้นมาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมปีที่แล้ว ทำลายสถิติการชัตดาวน์ในระหว่างปี 2538-2539 ภายใต้รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ที่กินเวลานาน 21 วัน
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลาง พลาดเงินเดือนครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ ยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันทางการเงินมากขึ้นต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาล ซึ่งรวมทั้งผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบิน ที่ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่โดยที่ยังไม่ได้รับเงินเดือน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางประมาณ 8 แสนคน ไม่ได้เงินค่าจ้าง หรือเงินเดือน ที่จะต้องจ่ายเมื่อวันศุกร์ บางคนต้องหันไปขายทรัพย์สินของตัวเอง หรือโพสต์ข้อความเรียกร้องเว็บไซต์ระดมเงินทางออนไลน์ เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของพวกเขา
ท่าอากาศยานไมอามี แถลงว่า จะปิดอาคารที่พักผู้โดยสาร 1 แห่งล่วงหน้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าจะขาดแคลนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งพากันขอลาป่วยมากถึง 2 เท่าอย่างไม่มีกำหนดเมื่อวันเสาร์ จากเดิมร้อยละ 3.3 เมื่อปีก่อน เป็นร้อยละ 5.6 แต่มาตรฐานความปลอดภัย ก็ยังเหมือนเดิม
สหภาพแรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศหลายพันคน ยื่นฟ้องสำนักงานการบินพลเรือนกลางเมื่อวันศุกร์ โดยระบุว่า สำนักงานการบินพลเรือนฯ ละเมิดกฎหมายค่าจ้างโดยการล้มเหลวในการจ่ายเงินให้พนักงาน ซึ่งเป็นการยื่นฟ้องในนามของพนักงานที่ยังไม่ได้รับค่าจ้าง
ส่วนผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐ ซึ่งรับผิดชอบในการคุ้มครองทรัมป์ เตือนเจ้าหน้าที่ว่า แรงกดดันทางการเงินสามารถนำไปสู่โรคซึมเศร้าและความวิตกกังวลได้