พ่อแม่จี้ รพ.รับผิดชอบ ลูกน้อยป่วยไข้กาฬหลังแอ่นดับ

2019-01-11 11:45:25

พ่อแม่จี้ รพ.รับผิดชอบ ลูกน้อยป่วยไข้กาฬหลังแอ่นดับ

Advertisement

พ่อแม่ ด.ช.วัย 3 เดือนใน จ.ตรัง ขอความเป็นธรรม หลังสูญเสียลูกชายวัย 3 เดือนด้วยโรคไข้กาฬหลังแอ่น เผยลูกมีไข้สูงพาไปหาหมอได้แต่เช็ดตัว ให้ยาพาราเซตามอลชนิดน้ำมากินที่บ้าน เรียกร้อง รพ.รับผิดชอบ


เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ผู้สื่อข่าวไปลงพื้นที่ไปพบกับนายสัตยา แสงชุม อายุ 24 ปี พร้อมด้วยนางกฤติยา สีสว่าง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/5 หมู่ที่ 4 ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง พร้อมด้วยญาติพี่น้อง หลังจากเสร็จสิ้นพิธีฝังศพ ด.ช.ชยากร แสงชุม หรือ น้องพอร์ช อายุ 3 เดือน ลูกชาย ที่เสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยทางครอบครัวได้ทำพิธีฝังศพภายในวัดธรรมราม ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง

นางกฤติยา สีสว่าง แม่ของน้องพอร์ช กล่าวว่า ปกติน้องพอร์ชเป็นอารมณ์ดี เด็กเลี้ยงง่าย ร่างกายแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วย แต่ในเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 9 ม.ค. น้องมีอาการไข้สูง ตนได้เช็ดตัวบ่อยๆ และให้กินยา จนเวลาประมาณ 10.00 น.น้องกลับมามีอาการไข้สูงอีก จึงพาน้องไป รพ.แห่งหนึ่ง โดยทางพยาบาลและแพทย์ให้ตนเองเช็ดตัวให้น้อง และรอพบแพทย์โดยทางแพทย์บอกว่าเด็กอายุขนาดนี้มีอาการไข้ขึ้นสูงวัดได้ 39.5 องศาเซลเซียส เป็นเรื่องธรรมดา พร้อมกับแจ้งหมอว่าน้องเริ่มมีผื่นขึ้น แต่หมอไม่ได้สนใจ



นางกฤติยา กล่าวต่อว่า จากนั้นได้สั่งยาพาราเซตามอลชนิดน้ำ สำหรับเด็กให้ 1 ขวด ซึ่งขณะนั้นน้องเริ่มมีอาการซึม พร้อมบอกให้พ่อแม่พาน้องกลับไปรอดูอาการที่บ้าน และนัดให้มาพบหมอเพื่อดูอาการอีกครั้งในอีก 3 วันข้างหน้า แต่พอกลับมาบ้านพบว่าน้องมีอาการซึม มีผื่นแดงขึ้น ไข้สูง จึงตัดสินใจพาลูกกลับไป รพ.ดังกล่าวอีกครั้งในเวลาประมาณ 13.00 น.วันเดียวกัน โดยน้องมีอาการไข้ขึ้นสูงวัดได้ 40 องศาเซลเซียส พยาบาลจึงพาเข้าห้องฉุกเฉินและให้แม่เช็ดตัว จากนั้นได้เจาะเลือดไปตรวจก็พบว่า ผลเลือดปกติดี ตนก็ดีใจคิดว่าลูกไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่น้องมีอาการซึมมากขึ้น และไม่ดื่มนมแล้ว และรอยผื่นกลายเป็นรอยจ้ำๆ พยาบาลจึงส่งตัวไปรักษาที่ตึกเด็ก แต่ไปถึงน้องมีอาการทรุดหนักแล้ว จึงเรียกหมอมาดูอาการ จากนั้นก็พยายามช่วยปั๊มหัวใจกลับมา เพื่อเตรียมส่งต่อไปรักษาที่ รพ.ตรัง 

นางกฤติยา กล่าวด้วยว่า พอไปถึงหน้า รร.เพาะปัญหา ชีพจรน้องเต้นอ่อนมาก พยาบาลจึงตัดสินใจให้รถเลี้ยวกลับพาน้องไปปั๊มหัวใจ ซึ่งอาการน้องทรุดหนัก แพทย์บอกให้รอปาฏิหาริย์เท่านั้น เพราะหากปั๊มหัวใจน้องกลับมาได้ หรือน้องหายจากอาการป่วย ก็จะกลายเป็นเด็กไม่ปกติ เพราะขณะช็อกหัวใจหยุดเต้น สมองขาดเลือดไปชั่วขณะแล้ว โดยแพทย์บอกขณะที่พยายามช่วยปั๊มหัวใจน้องว่า หากลูกอยากอยู่กับเราชีพจรจะกลับมา เมื่อได้ชีพจรกลับมาก็ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ตรัง ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าลูกเป็นอะไร ไม่สามารถให้ข้อมูล รพ.ตรัง ได้ แต่ทาง รพ.ตรังก็เร่งช่วยชีวิตน้องกันอย่างเต็มที่ พาเข้าห้องไอซียู แต่ก็ยื้อชีวิตน้องไม่ได้และได้เสียชีวิตในเวลาประมาณ 22.00 น.ของคืนวันที่ 9ม.ค. ทั้งนี้ ขณะรถ รพ.ได้นำน้องไปส่ง รพ.ตรัง คนขับรถก็ขับเรื่อยๆ แค่ไฟกะพริบ ไม่ได้เปิดไฟไซเรนขอทาง เพื่อเร่งส่งต่อน้องให้ถึงมือหมอ รพ.ตรังโดยเร็วแต่อย่างใด และมาเริ่มเปิดสัญญาณไซเรนตอนใกล้ถึงรพ.ตรังแล้ว เพราะน้องหัวใจหยุดเต้นอีก





นางกฤติยา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนและครองครัวทำใจไม่ได้ เพราะน้องจากไปอย่างกะทันหัน หากแพทย์ พยาบาลในห้องฉุกเฉินรักษาอย่างเอาใจใส่ ไม่ใช่ให้ต้องรออยู่ประมาณ 3-4 ชม. แต่รีบตรวจเช็คให้ละเอียดแล้วรีบส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ตรัง โดยด่วน เชื่อว่าลูกต้องไม่ตาย แต่นี่เด็กมีไข้สูงมาก ให้เช็ดแต่ตัว และไล่กลับให้ไปดูอาการที่บ้าน ทั้งนี้ ในพิธีเผาศพน้อง ได้มีตัวแทนจาก รพ.มาร่วมงานด้วย โดยแจ้งกับพ่อแม่ว่า เด็กเป็นโรคไข้กาฬหลังแอ่น ที่หายไปจากประเทศไทยกว่า 30 ปีแล้ว และสั่งให้พ่อแม่และญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดกับน้องพอร์ช รวมประมาณ 10 คน จะต้องไปฉีดยาป้องกันที่ รพ.ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลในวันที่ 11 ม.ค. เมื่อถามหาความรับผิดชอบจากทาง รพ. ได้รับคำตอบว่าทาง รพ.ไม่รู้จะรับผิดชอบอะไร แต่จะเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไปปรับปรุงงานบริการของ รพ.ให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวได้เรียกร้องให้ทาง รพ.ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น หากการรักษาเป็นไปอย่างรวดเร็วน้องคงไม่เสียชีวิต และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้กับใครอีก