ล่าหัวขโมยงัด รร. ฉกเงินกว่า 4 พัน

2019-01-10 15:25:13

ล่าหัวขโมยงัด รร. ฉกเงินกว่า 4 พัน

Advertisement

ตร.เร่งล่าหัวขโมยงัด รร.อนุบาลเอกชนในเมืองอุดรธานี ฉกเงินค่าเสื้อกีฬาเด็กไปกว่า 4,000 บาท

เมื่อเวลา 09.00 วันที่ 10 ม.ค. พ.ต.ท.ยืนยง คำบอน สว. (สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายเข้าไปงัด รร.หัตถกิจคริสเตียน ภายในซอยปลอดภัย เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่เขตงานบ้านเชียงรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็น รร.สอนเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล พบนาย ศิริวัฒน์ การะเกษ อายุ 54 ปีอยู่บ้านเลขที่ 427/1 ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี เป็นผู้จัดการ รร. ได้พาเจ้าหน้าที่ไปที่ห้องธุรการและชี้ลิ้นชักโต๊ะทำงานของ ผอ.  ลิ้นชักโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่และตู้ต่างๆ ถูกรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจายทั่วห้อง โดยตะกร้าที่อยู่บนโต๊ะทำงานของ ผอ.มีเงินจำนวน 1,500 บาท ได้หายไปซึ่งคนร้ายได้นำตะกร้ามาทิ้งไว้หน้าประตูห้องน้ำ


นอกจากนี้คนร้ายได้งัดห้องเรียนอนุบาล 3 ห้อง ก่อนเข้าไปงัดลิ้นชักโต๊ะทำงานของครูประจำชั้น ซึ่งเป็นเงินค่าเสื้อกีฬาของเด็กนักเรียนที่จะนำไปจ่ายในวันนี้มีห้องเรียนชั้นอนุบาล3/3 ได้เงินสด 715 บาท ห้องเรียนชั้นอนุบาล2/3 ได้เงินสด 1,050 บาท และห้องเรียนชั้นอนุบาล 1/2 ได้เงินสด 1,250 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น  4,515 บาท ซึ่งทำให้เด็กนักเรียนได้รับความเดือดร้อนจะไม่มีเสื้อกีฬาใส่เพราะวันศุกร์นี้ทาง รร.จะมีการแข่งขันกีฬาสี

ทั้งนี้คนร้ายได้ปีนกำแพงรั้วข้าง รร.เป็นช่องทางเข้ามาซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้คนร้ายเป็นชายเอาผ้าปิดบังใบหน้าใส่เสื้อคลุมแขนยาวนุ่งกางเกงขาสั้นไม่ใส่รองเท้า เข้ามาก่อเหตุเมื่อเวลา 22.18 น.วันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่คนร้ายได้เข้ามาก่อเหตุ  


นายศิริวัฒน์ การะเกษ ให้การว่า ห้องเรียนอนุบาลโดนงัด 3 ห้องและห้องธุรการโดนงัดด้วย เมื่่อไปตรวจสอบพบว่าข้าวของถูกรื้อค้น จึงทำการสำรวจทรัพย์สินว่ามีอะไรหายไปบ้าง และให้ครูประจำชั้นแต่ละห้องเรียนสำรวจทรัพย์สินมีอะไรหายไป ซึ่งมีเงินค่าเสื้อกีฬาของเด็กและเงินที่ห้องธุรการที่สำรองใช้จ่ายกรณีฉุกเฉิน ก่อนหน้านี้เมื่อปีแล้วห้องธุรการของ รร.ก็โดนงัดมาแล้ว 2 ครั้ง

ด้าน พ.ต.ท. กล่าวว่า ได้ตรวจสอบบริเวณรอบ รร.ที่กำแพงข้าง รร. มีรอยเท้าของคนร้ายที่ปีนเข้ามางัดห้องเรียนและห้องธุรการ คนร้ายได้เงินสดไป 4,515 บาทภาพกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้ขณะคนร้ายเข้ามาก่อเหตุ จากนี้จะให้ตำรวจชุดสืบสวนนำภาพคนร้ายไปตรวจสอบกับแฟ้มอาชญากรรมว่าคนร้ายเป็นใครเพื่อจะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป