สภาวิศวกรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุชิ้นส่วนอาคารถล่มย่านรามคำแหง คาดใช้เวลา 3 เดือน
เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ศ.ดร.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารที่กำลังรื้อถอนบริเวณ ปากซอยรามคำแหง 51/2 ซึ่งชิ้นส่วนอาคารตกหล่นจนทำให้แผงกั้นการรื้อถอนล้มทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 ม.ค.
ศ.ดร.อมร กล่าวว่า การรื้ออาคารจะต้องมีการออกแบบแผนการรื้อถอนและจะต้องมีวิศวกรที่มีใบอนุญาตควบคุมงานตลอดการรื้อถอน ซึ่งขณะนี้จะต้องประสานกรมโยธาธิการและผังเมืองเพื่อขอข้อมูลมาตรวจสอบ รวมถึงเรียกผู้เกี่ยวข้องของบริษัทที่ทำการรื้อถอนมาสอบถามรายละเอียดว่าเป็นไปตามขั้นตอนหรือไม่ ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ระบุว่าใครเป็นคนผิด คาดว่าจะเใช้เวลา 3 เดือนในการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าเข้าข่ายความผิดก็จะเพิกถอนใบอนุญาตวิศกรรมทันที
ด้านนายนพดล ฉายปัญญา ผอ.กองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา กทม. กล่าวว่า กรณีที่ทางเขตเคยมีคำสั่งระงับการรื้อถอนเมื่อเดือน ต.ค.2561 เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่สาธารณะมีประชาชนสัญจรจำนวนมาก ประกอบกับมีผู้ร้องเรียนว่ามีเศษจากการรื้อถอนตกลงมาทำให้เกรงว่าประชาชนจะไม่ปลอดภัยจึงสั่งระงับไว้ก่อน เมื่อมาตรวจสอบพบว่าแผงกั้นที่ป้องกันวัสดุตกหล่นไม่เป็นไปตามแผนที่ยื่นกับสำนักงานเขตไว้ก่อนหน้านี้ สำนักงานเขตจึงให้ไปปรับปรุงและแก้ไขให้ถูกต้อง แต่เรื่องดังกล่าวกลับเงียบไปกระทั่งเกิดเหตุขึ้น ต่อจากนี้จะตรวจสอบถึงสาเหตุอีกครั้งว่ามาจากสาเหตุใด ซึ่งยังเร็วไปหากจะให้ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากสาเหตุใด
รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.ป ระบุว่าจากการตรวจสอบพบว่า มีการขออนุญาตรื้อถอนถูกต้อง มีวิศวกรดูแลควบคุมงาน แต่ตัวอาคารเก่าคาดว่าน่าจะมีจุดที่ชำรุดไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ทำให้เกิดความผิดพลาดขณะทำการรื้อถอน ซึ่งในขั้นตอนการรื้อถอนถือว่ามีความสำคัญพอๆกับการก่อสร้าง เพราะต้องดูโครงสร้างและต้องวางแผนการดำเนินการให้รอบคอบ สำหรับอาคารของธนาคารออมสิน ที่อยู่ติดกับอาคารที่เกิดเหตุ เบื้องต้นทางสำนักงานเขตบางกะปิ มีคำสั่งให้ดำเนินการแก้ไข บริเวณชั้นที่เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยในระหว่างนี่ให้มีการหยุดใช้ตัวอาคารดังกล่าวจนกว่าจะมีการแก้ไข