น.ส.ราฮัฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนูน วัยรุ่นสาวชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี ซึ่งหลบหนีจากครอบครัว และขังตัวเองอยู่ในห้องพักของโรงแรมในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อป้องกันทางการไทยส่งตัวกลับซาอุดีอาระเบีย เดินทางออกจากสนามบินแล้ว หลังการเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์เมื่อวันจันทร์ที่ 7 มกราคม
กูนูน ติดอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อเธอเดินทางออกจากคูเวต ถึงไทย โดยบอกว่า เธอกลัวครอบครัวจะฆ่าเธอ หากเธอถูกบังคับให้เดินทางกลับบ้าน เพราะเธอประกาศละทิ้งศาสนาอิลามแล้ว
กูนูน กล่าวกับรอยเตอร์ว่า ญาติและครอบครัวของเธอและสถานทูตซาอุดีอาระเบีย กำลังรอคอยที่จะรับตัวเธออยู่ในคูเวต ชีวิตของเธอตกอยู่ในอันตราย ครอบครัวขู่จะฆ่าเธอ
อย่างไรก็ตาม ทางญาติของเธอยังไม่ได้พูดถึงข้อกล่าวหาของเธอเกี่ยวกับการถูกทารุณกรรม
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทย วางแผนที่จะส่งตัวกูนูนกลับไปยังคูเวตในวันจันทร์ แต่ล้มเลิกแผนการดังกล่าว หลังกูนูน เรียกร้องผ่านทางออนไลน์ จุดกระแสความสนใจของนานาชาติ

ตัวแทนของยูเอ็นเอชซีอาร์ ได้เข้าพบกูนูน ที่สนามบิน และหารือเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยด้วย ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการหารือกันแล้ว พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แถลงว่า กูนูนจะไม่ถูกเนรเทศกลับประเทศแล้ว ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในไทย ทำให้เธอโล่งใจยอมเดินทางออกจากสนามบินไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของยูเอ็นเอชซีอาร์ โดยทางยูเอ็นเอชซีอาร์ จะรับหน้าที่สานงานในกระบวนการต่าง ๆ ตามคำร้องขอของกูนูน ในการขอสถานะผู้ลี้ภัย และเธอจะอยู่ภายใต้การดูแลของยูเอ็นเอชซีอาร์ต่อไป
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ไทยจะดูแลเธอเป็นอย่างดีที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้ และกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ เธออยู่ภายใต้อธิปไตยของประเทศไทย ไม่มีใคร หรือไม่มีสถานทูตประเทศไหนจะมาบีบบังคับเธอให้ไปที่ไหนได้ ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม พวกเราจะไม่ส่งใครไปตายอย่างแน่นอน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์จะพบหารือกับเจ้าหน้าที่ทูตซาอุดีอาระเบีย ในวันอังคาร เพื่อยืนยันการตัดสินใจของรัฐบาลไทย
ด้านกุยเซปเป เดอ วินเซนติส ตัวแทนยูเอ็นเอชซีอาร์ ในประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ให้คำยืนยันกับกูนูนว่าจะไม่เนรเทศไปยังประเทศที่เธออาจได้รับอันตราย ขณะนี้ ทางยูเอ็นเอชซีอาร์จะดำเนินการกรณีของเธอต่อไป
กูนูน ทวิตข้อความด้วยว่า บิดาของเธอเดินทางมาถึงไทยแล้ว ซึ่งยิ่งสร้างความวิตกกังวลและความกลัวอย่างมาก แต่เธอก็บอกว่า รู้สึกปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของยูเอ็นเอชซีอาร์ ที่ได้ตกลงกับทางรัฐบาลไทยเรียบร้อยแล้ว