"คุณหญิงสุดารัตน์”ประกาศลั่นบุรีรัมย์ “อยู่กับเรากระเป๋าตุง” ประชาชนขานรับ "อยู่กับลุงกระเป๋าแฟบ" ด้านภรรยาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต6 บุรีรัมย์ พรรคเพื่อไทย ร่ำไห้สามีถูกจับ
เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ จ.บุรีรัมย์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.)พร้อม นายสุรศักดิ์ นาคดี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 2 กล่าวปราศรัย ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โดยสอบถามประชาชนว่าตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมามีความสุขหรือไม่ ฐานะทางเศรษฐกิจและภาระหนี้สินมีเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ และว่าเหล่านี้ถือเป็นความเจ็บปวดของพรรคเพื่อไทย ถือเป็นความยากลำบากและความทุกข์ของพี่น้องประชาชน
โดยเฉพาะราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำต่อเนื่อง ทั้งข้าว ยางพารา อ้อย ซึ่งมีผลให้พี่น้องประชาชน มีภาระหนี้สินสูงขึ้น พี่น้องประชาชนจนลง วิธีการแก้ไขปัญหา ของผู้มีอำนาจ ยังไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะการแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ซึ่งมีแนวโน้มว่าเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น ขอให้มั่นใจพรรคเพื่อไทยที่เข้ามาแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตร ให้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นการดูแลอย่างยั่งยืน และเป็นการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม เหมือนที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในอดีต
คุณหญิงสุดารัตน์ย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกที่ต้องรักตัวเอง และต้องถามว่า 4-5 ปีที่ผ่านมาสามารถทนกับสภาพปัญหาต่างๆได้หรือไม่ ถ้าไม่ต้องการทนอยู่ในสภาพในเช่นนี้ขอให้ออกมาเลือกพรรคเพื่อไทยอย่างถล่มทลาย หากไปน้อย เลือกน้อย จะได้อยู่กับลุงต่อไป โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำกับประชาชนว่า "อยู่กับเรา กระเป๋าตุง” จากนั้นประชาชน จำนวนมาก ตอบรับอย่างพร้อมเพียงว่า "อยู่กับลุงกระเป๋าแฟบ"
คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์หลังการปราศรัยว่า แม้ จ.บุรีรัมย์เป็นพื้นที่เข้มแข็งทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย แต่การทำงานของพรรคเพื่อไทยจะเป็นเหมือนพื้นที่อื่นๆ ที่เห็นว่าบุรีรัมย์ก็ประสบปัญหาเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ รายได้ลดลง หนี้สินเพิ่มขึ้น พรรคเพื่อไทยมีแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งได้พิสูจน์ตัวเองมาตลอดเป็นเวลาถึง 17 ปี ว่าทุกครั้งเมื่อมีโอกาสเข้าไปทำงาน สามารถทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรสูงขึ้น สามารถทำให้เศรษฐกิจดีทุกครั้ง เพราะพรรคเพื่อไทยคิดแตกต่างจากรัฐบาลปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยสร้างเกษตรกร คนตัวเล็กให้มีความเข้มแข็ง ต้องทำให้ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ สามารถค้าขายได้ จึงเชื่อมั่นว่าจังหวัดบุรีรัมย์ ไม่แตกต่างจากพื้นที่อื่น โดยเฉพาะในเชิงการทำงานทางการเมือง
คุณหญิงสุดารัตน์ไม่ตอบคำถามว่าจะได้ส.ส. จำนวนเท่าใดในพื้นที่บุรีรัมย์แต่ขอทำงานอย่างเต็มที่ โดยจะส่งผู้สมัครให้ ได้มากที่สุด พร้อมทั้งย้ำว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็ว จะมีผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะเรื่อง ความเป็นอยู่ ซึ่งวันเลือกตั้งขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจ และสำหรับพรรคเพื่อไทยก็มีความพร้อม เลือกเมื่อไหร่ก็พร้อมเมื่อนั้น และไม่แปลกใจ ที่พรรคพลังประชารัฐ เตรียมเทียบเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นหนึ่งในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรค
จากนั้นเวลา 16.45 น. ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ คุณหญิงสุดารัตน์ ขึ้นเวทีปราศรัยกับประชาชนกว่า 1,000 คน ทราบว่าประชาชน มีแต่ความเจ็บปวด ซึ่งถือเป็นความเจ็บปวดของพรรคเพื่อไทยและไม่สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ ประชาชนรากหญ้า รวมถึงเกษตรกร ไม่มีกำลังซื้อ การค้าขายเงียบ ซึ่งจากการบริหารจัดการ ทำให้ประชาชน ยากจนมากขึ้น
แม้จะมีความพยายามดูแลภาคประชาชน โดยใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นเครื่องมือก็ตามแต่ขอให้ประชาชนรับไว้ เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนและหลังจากนั้น พรรคเพื่อไทยจะเข้ามาแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะการยกระดับราคาพืชผลทางเกษตรอย่างยั่งยืน และเมื่อมีการเลือกตั้ง ขอให้ออกไปเลือกพรรคเพื่อไทยให้มาก ให้ถล่มทลาย เอาชนะกลไกของส.ว.250 คน นำพี่น้องประชาชนออกจากความทุกข์ยาก และขอให้ถามตัวเองว่า จะทนอยู่กับความทุกข์แบบนี้ต่อไปหรือไม่
จากนั้น นางพุทธชาติ ศรีสุริยันโยธิน ภรรยาของนายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต6 บุรีรัมย์พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวที บอกเล่าความรู้สึกพร้อมกับร่ำไห้บนเวที ที่นายพรชัย ไม่สามารถเดินทางมาร่วมปราศรัยได้ เนื่องถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ถูกตั้งข้อหาอย่างไม่เป็นธรรม ถูกตั้งข้อหาหลายข้อหา และเป็นข้อหาร้ายแรง โดยอ้างว่าดำเนินการตั้งบริษัทแสงสว่างลิสซิ่ง "ทำธุรกรรม ชักชวนคนมาให้กู้เงิน ผิดกฎหมาย ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประกันตัว จึงอยากถามไปยังผู้มีอำนาจว่า การอยู่พรรคเพื่อไทยมีความผิดมากหรือไม่
หลังจากภรรยาของนายพรชัย ขึ้นเวทีเปิดใจแล้วเสร็จคุณหญิงสุดารัตน์ ตามขึ้นไปเพื่อให้กำลังใจโดยสวมกอดให้มีกำลังใจต่อสู้ จากนั้น ประชาชนจึงเริ่มจับกลุ่มพูดคุย เพื่อชักชวนไปร่วมกันให้กำลังใจนายพรชัย และมีประชาชนคนแสดงความเสียใจ พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ว่ามีความตรงไปตรงมามากน้อยเพียงใด และประชาชน ที่ร่วมฟังการปราศรัยไม่น้อยเศร้าใจ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงร่วมกันเดินทางไปให้กำลังใจนายพรชัย