“ทนายตั้ม”นำผู้เสียหายแจ้งความ “อัจฉริยะ-พ.ต.ท.”

2019-01-07 12:20:09

“ทนายตั้ม”นำผู้เสียหายแจ้งความ “อัจฉริยะ-พ.ต.ท.”

Advertisement

“ทนายตั้ม” นำผู้เสียหายแจ้งความกองปราบให้ดำเนินคดี “อัจฉริยะ-พ.ต.ท.” ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารราชการ และร่วมกันทำพยานหลักฐานเท็จ

เมื่อวันที่ 7 ม.ค. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม นำนายเศรษฐ เดชสุภา ซึ่งถูกนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้ พ.ต.ท.นายหนึ่ง ค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของภรรยานายเศรษฐ แล้วนำไปเผยแพร่ในสื่อโซเชียล จนได้รับความเสียหาย เข้าแจ้งความกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะ และ พ.ต.ท.คนดังกล่าว ในข้อหา ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารราชการ และร่วมกันทำพยานหลักฐานเท็จ


นายษิทรา ระบุว่า เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ภรรยานายเศรษฐเข้าแจ้งความที่ สภ.บางปะอิน ว่าถูก พ.ต.ท.นายหนึ่งคัดทะเบียนราษฎร์ของภรรยาไปเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2561 เพื่อนำไปให้นายอัจฉริยะ เผยแพร่ และพบว่าหลังจากเป็นข่าว คู่กรณีมีความพยายามจะแก้ไขและเขียนแทรกบันทึกประจำวันย้อนหลัง ให้เหมือนนายอัจฉริยะ แจ้งความให้ตำรวจตรวจสอบเพจ red skull ทำให้มีการค้นหาทะเบียนราษฎร์ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. โดยมี พ.ต.ท.คนดังกล่าว เป็นผู้ลงบันทึกประจำวัน ทั้งที่ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุให้ต้องเป็นร้อยเวร และสมุดรายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐานจะต้องเขียน 1 เรื่องต่อ 1 หน้า ห้ามมีการเขียนแทรก การกระทำของตำรวจคนดังกล่าวและนายอัจฉริยะจึงเป็นการพยายามสร้างพยานหลักฐานเท็จ และปลอมแปลงเอกสารราชการ


ด้านนายเศรษฐ ระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างตนเองและนายอัจฉริยะ เริ่มจากนายอัจฉริยะ มีปัญหากับแอดมินเพจ red skull และเข้าใจผิดว่า ตัวเองเป็นแอดมินเพจ จึงนำข้อมูลของภรรยามาเผยแพร่ ให้ลูกเพจวิพากวิจารณ์ในลักษณะดูหมิ่น และถูกข่มขู่จะทำร้าย ทำให้ตัวเองและครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ทั้งที่ตัวเองเป็นเพียงลูกเพจเท่านั้น และการกระทำของนายอัจฉริยะที่นำรูป และข้อมูลส่วนตัวของภรรยาไปให้ผู้อื่นวิพากษ์วิจารณ์ เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนกองกำกับการ2 กองบังคับการปราบปราม ได้รับเรื่องไว้ และจะสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการออกมาแจ้งความดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะ เป็นเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างนายอัจฉริยะ และนายษิทรานั้น นายษิทรา ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องข้องเพราะเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายต้องได้รับโทษ