นายกฯยันรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำ

2018-12-21 21:25:53

นายกฯยันรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำ

Advertisement

นายกฯเผยรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ 2 รูปแบบ จัดสรรสวัสดิการ เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน กว่า 40 โครงการ 12 สวัสดิการ เผย ครม.เห็นชอบจัดตั้งสำนักงานบูรณาการลดความเหลื่อมล้ำแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นครั้งแรกของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า ทั้งๆ ที่เราได้เห็นเศรษฐกิจเติบโตดีขึ้น แต่ประชาชนกลุ่มใหญ่ยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจอ่อนแรง เพราะมีรายได้ที่ลดลง รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ และพยายามแก้ปัญหามาโดยลำดับ โดยมองว่าการลดความเหลื่อมล้ำ ต้องทำในทุกมิติ ต้องบูรณาการเพื่อแก้ปัญหา และต้องลงไปทำที่ต้นตอของสาเหตุ เพื่อให้เกิดผลที่มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน โดยได้กำหนดไว้เป็น 1 ใน 6 ด้านของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม รวมทั้งกำหนดไว้ในแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

นายกฯกล่าวต่อว่า รัฐบาลนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว เพื่อจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยขอสรุปเป็นกลุ่มมาตรการใน2 รูปแบบ  คือ รูปแบบแรก เป็นการจัดสรรสวัสดิการเพื่อประชาชน ให้กลุ่มต่างๆ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส รวมถึงพี่น้องเกษตรกรรายได้น้อย และยังมีการให้ความช่วยเหลือพิเศษกับผู้ประสบปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะผู้ประสบภัย และผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดนภาคใต้ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ดำเนินการผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและคนพิการ โครงการจัดสรรที่ดินทำกิน โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่เด็กนักเรียน โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย  อีกรูปแบบหนึ่ง ได้แก่ การเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงปัจจัยขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต เช่นโครงการลดค่าครองชีพของประชาชน โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาล จนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า โครงการเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินต่างๆ

“สวัสดิการเหล่านี้ของรัฐ ในปัจจุบันมีรวมกันมากกว่า 40 โครงการ ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยตั้งแต่เกิด จนเสียชีวิต และการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาด้านต่างๆ อีก 12 สวัสดิการ เพื่อจะช่วยเยียวยาให้พี่น้องประชาชนได้ผ่านช่วงของความยากลำบากโดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ก็คือ สวัสดิการที่ผมได้กล่าวถึงเหล่านี้ ใช้งบประมาณรวมกันปีละ 5 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งภาครัฐจะต้องใช้เงินดังกล่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีประสิทธิภาพที่สุด ตามหลักธรรมาภิบาล และการรักษาวินัยการเงิน การคลัง ซึ่งรัฐบาลนี้ ก็ได้จัดทำโครงการที่ชื่อว่าสร้างสุขทุกช่วงวัยให้เป็นสวัสดิการแห่งรัฐที่จะช่วยยกระดับการให้บริการสวัสดิการกับพี่น้องประชาชนให้ทันสมัยขึ้น และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของการปฏิรูประบบราชการไทย โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้บริหารจัดการฐานข้อมูลสวัสดิการแห่งรัฐอย่างเป็นระบบ”นายกฯ กล่าว

นายกฯกล่าวด้วยว่า ล่าสุด ครม.เห็นชอบให้มีการจัดตั้งสำนักงานบูรณาการลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน เป็นครั้งแรกของประเทศไทย เพื่อให้เรามีหน่วยงานหลัก ที่จะรวมพลังทุกหน่วยงาน บูรณาการในการขับเคลื่อน อย่างประสานสอดคล้อง ต่อสู้ ขจัดปัญหาด้านความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ได้อย่างแท้จริงโดยหน่วยงานนี้ จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมถึงศึกษาและวิจัย เรื่องปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ พัฒนาและติดตามเครื่องชี้วัด จัดทำฐานข้อมูล Big data เกี่ยวกับความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ให้บูรณาการกันทั้งหมดรวมทั้งช่วยสำนักงบประมาณในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณด้านความยากจนและความเหลื่อมล้ำซึ่งในปีล่าสุด นอกจากงบสวัสดิการ 5 แสนกว่าล้านบาท ที่ได้กล่าวไปแล้ว ยังมีงบประมาณประจำ เพื่อแก้ไขเรื่องความเหลื่อมล้ำและความยากจน ผ่านกระทรวงต่างๆ อีก 3 แสนล้านบาท รวมเป็นเงินถึง 8 แสนล้านบาท ซึ่งเราต้องใช้งบเหล่านี้ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมถึงแผนปฏิรูปประเทศด้วย ขอให้ทุกท่านมั่นใจว่ารัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแก้ไขปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ และมีการมองภาพแบบครบถ้วนทุกมิติ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการกับปัญหา กำหนดนโยบายสาธารณะ หรือมาตรการต่างๆ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ให้เกิดผลอย่างต่อเนื่องยั่งยืน