กระทรวงแรงงานเจรจาไม่สำเร็จ ชาวประมง 22 จังหวัดปักหลักค้างคืนคัดค้านอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง ลุยยื่นหนังสือถึง “บิ๊กตู่”ต่อไป
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่กระทรวงแรงงาน กลุ่มผู้ประกอบการประมงจาก 22 จังหวัดได้เดินทางชุมนุมได้ตึก 15 ชั้น ที่ทำงาน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน และได้ชูป้ายคัดค้านการรับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติเห็นชอบให้กระทรวงแรงงานดำเนินการให้สัตยาบัน ในช่วงปลายเดือน ม.ค. 2562 มีนายสุรเดช วลีอิทธิกุล รองปลัดกระทรวงแรงงาน ออกมารับฟังปัญหาข้อเรียกร้อง พร้อมชี้แจงว่ารัฐมนตรีและปลัดกระทรวงอยู่ระหว่างเดินทางไปตรวจเยี่ยมแรงงานไทยในประเทศอิสราเอล แต่กลุ่มชาวประมงขอให้ติดต่อทางโทรศัพท์ เพื่อให้รัฐมนตรียืนยันว่าจะเลื่อนการรับอนุสัญญาหรือไม่
นายภีรวัฒน์ ธีรานุกูลชัย ผู้ประสานงานกลุ่มชาวประมง กล่าวว่า หากรับอนุสัญญาในขณะที่ยังมีปัญหา ไทยต้องปฎิบัติตามข้อกำหนดของไอแอลโอทุกอย่าง ปัญหาจากกฎระเบียบ กฎหมายต่างๆ ที่แต่ละหน่วยงานต่างออกมาโดยไม่คำนึงถึงวิถีการทำประมง ทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อนอย่างหนัก จนเรือประมง ต้องหยุดออกหาปลา ทำมาหากินได้
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายสุรเดช ได้พยายาม ชี้แจง ว่าอนุสัญญาจะเกิดประโยชน์กับประมงไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเชื่อมั่นในระดับสากล จากการให้ความคุ้มครองแรงงานในภาคประมง และหากรับอนุสัญญาแล้ว จะยังไม่มีการออกกฎหมายมาบังคับใช้ทันที เพราะกฎหมายต้องสอดคล้องกับสังคมไทยและต้องปฎิบัติได้จริง แต่ทางผู้ชุมนุมยังยืนยันให้ยกเลิกรับอนุสัญญาไปก่อน 1 ปี โดยขอให้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 44 ยกเลิก ไปก่อน และให้มีการศึกษาจนเป็นที่ยอมรับ และต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวประมง จึงค่อยรับอนุสัญญาหลังเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่ และขอคำยืนยันเป็นลายลักษ์อักษร
ต่อมานายสุรศักดิ์ เรืองเครือ รองปลัดสำนักนายกฯ ได้เดินทางมาร่วมพูดคุยและฟังข้อเรียกร้องชาวประมงร่วมกับนายสุรเดช โดยยืนยันว่ารัฐบาลอยากให้ทุกฝ่ายตกลงกันได้เพื่อให้มีทางออกทีดี โดยจะรายงานให้นายกฯทราบปัญหาทุกเรื่อง และในที่ 26 ธ.ค. พล.ต.อ.อดุลย์ ได้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนประมงมาร่วมประชุมในเรื่องนี้ แต่กลุ่มชาวประมงได้ขอพักค้างในกระทรวงแรงงาน และจะไปยื่นหนังสือถึงนายกฯ ในวันที่ 21 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล