พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (พ.ร.ป.พรรคการเมือง) ผ่านที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประเด็นที่ผ่านมาแบบร้อนฉ่าก็คือประเด็น..การคัดเลือกส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่จะให้สมาชิกพรรคในเขตเลือกตั้ง ทำการคัดเลือกหรือเลือกตั้งขั้นต้น ที่เรียกกันว่าไพรมารี โหวต กันเสียก่อน..
หากย้อนไปดูประเด็นนี้กรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอเพียงกว้างๆ แต่กรรมาธิการวิสามัญชุดที่พิจารณากฎหมายนี้ได้ไปต่อยอดต่อเติมให้มันคมเข้ม ลงลึกมากขึ้น บรรดานักการเมือง พรรคการเมืองหลายพรรคอ่านแล้วร้องจ๊าก เพราะอำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรคแบบเดิมๆ จะลดน้อยลง ขั้นตอนการคัดเลือกจะยาวขึ้น ย้อนไปย้อนมา...
โดยหลักๆ ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองฉบับนี้อำนาจการพิจารณาคัดเลือกส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งจะอยู่ที่ “กรรมการสรรหา” ซึ่งประกอบด้วยกรรมการบริหารพรรคครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเป็นตัวแทนจากสาขาพรรค และจังหวัด
ผมสมมติสถานการณ์..เช่น ในเขต 1 สมุทรปราการ ในส่วนของพรรค ก.ไก่ มีผู้สนใจจะลงสมัคร ส.ส. 10 คน 10 คนนี้ก็ต้องผ่านการคัดกรองจากกรรมการสรรหาดังกล่าว สมมติคุณสมบัติผ่าน 8 คน ก็นำชื่อ 8 คนนี้ไปให้สมาชิกพรรค ก.ไก่ ในพื้นที่เขต 1 ซึ่งต้องมีอย่างน้อย 100 คน (เป็นพันเป็นหมื่นคนก็ได้) ลงมติคัดเลือกให้เหลือ 2 ชื่อ 2 ลำดับ แล้วส่งให้คณะกรรมการสรรหาชี้ขาด..
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่าในการเลือกตั้งครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้พรรคการเมืองใหม่ๆ อาจเตรียมตัวไม่ทัน ก็ผ่อนผันว่าไม่จำเป็นต้องมีสมาชิกพรรค ตัวแทนพรรคในทุกเขต เช่นสมมติสมุทรปราการมี 3 เขตก็ให้สมาชิกไม่ต่ำกว่า 100 คนทำหน้าที่คัดเลือกผู้สมัครทั้ง 3 เขตเลือกตั้งได้ แต่ในสมัยต่อไปต้องเป็นเขตใครเขตมัน..
ที่ยกตัวอย่างเป็นระบบ ส.ส.เขต ระบบบัญชีรายชื่อก็อยู่ภายใต้หลักการเดียวกัน ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้จะต่างจากแบบเดิมๆ ที่การส่งใครลงสมัครคณะกรรมการบริหารพรรคจะเคาะหรือชี้ขาดอยู่ข้างบน สมาชิกพรรคไม่มีบทบาทโดยตรงเช่นนี้...ซึ่งแน่นอนว่าพรรคการเมืองของไทยไม่คุ้นชิน...
ไม่แปลกที่ขณะนี้ทั้งพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวคัดค้าน ประสานเสียงกับกรรมการร่างของ อ.มีชัย ฤชุพันธุ์ ที่บอกว่ารูปแบบไพรมารีโหวตอาจทำให้พรรคการเมืองเล็กๆเสียเปรียบ...ในขณะที่ฝ่ายกรรมาธิการฯ ที่ชูธง "ไพรมารีโหวต" อย่างสูงเด่น ก็มีกองเชียร์มีคนเห็นด้วยพรึ่บ ทั้งนักวิชาการอย่าง ดร.สุริยะใส กตะศิลา, กปปส.อย่างสุเทพ เทือกสุบรรณ, สปท.อย่างอลงกรณ์ พลบุตร, เสรี สุวรรณภานนท์..ฯลฯ..
ถ้าตั้งกรรมาธิการร่วมเพื่อพิจารณาปรับปรุงกันใหม่..ต้องบอกว่าเป็น "มวยถูกคู่คนดูถูกใจ” ..การเมืองไทยอาจจะดีขึ้น..555