“สุเทพ ” ยัน รปช. ไม่มีปัญหาบัตรเลือกตั้งตัดโลโก้ ชื่อพรรคออก ฝาก กกต.จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม อย่าให้มีการใช้อิทธิพลเข้าไปกดดัน
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อ่างทอง ว่า ปฎิบัติการเดินคารวะแผ่นดิน วันที่ 40 ของพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ในวันนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรค และในฐานะประธานคณะทำงาน เดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนเป็นสมาชิกพรรค พร้อมด้วย นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายสำราญ รอดเพชร ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค และว่าที่ผู้สมัครของพรรคพื้นที่ จ.อ่างทอง ได้เริ่มเมื่อเวลา 07.00 น ด้วยการเดินทางไปสักการะหลวงพ่อโต วัดไชโยวรวิหาร พระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจ.อ่างทอง จากนั้นจึงได้เริ่มเดินเชิญชวนประชาชนที่บริเวณตลาดสดเทศบาลเมือง อ่างทอง และ ระหว่างเดินคารวะประชาชนได้มีประชาชนเข้าต้อนรับทักทายเป็นจำนวนมาก
นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ ถึงข่าวให้ตัดโลโก้และชื่อพรรคในบัตรเลือกตั้งว่า สำหรับพรรครวมพลังประชาชาติไทย เราไม่ติดกับเรื่องนี้เลย เขาจะกำหนดกติกามาอย่างไรเราก็ปฏิบัติได้ ข้อสำคัญคือ กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม อันนั้นสำคัญที่สุดเรื่องมีโลกโก้พรรคหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ กติกามาอย่างไรทุกคนต้องปฏิบัติ ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ จริงแล้วประชาชนสมัยนี้เลือกผู้แทนเป็น
“พรรคไม่ติดใจ แต่ติดใจว่า กกต. ต้องเอาจริงเอาจังอย่าให้มีการทุจริต การเลือกตั้งอยู่ให้มีการซื้อสิทธิขายเสียง อย่าให้มีการใช้อิทธิพลเข้าไปกดดัน ทำให้การเลือกตั้งเบี่ยงเบนไปจากสภาพที่สมควรจะเป็น ในระบอบประชาธิปไตย อันนั้นสำคัญกว่า”นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามถึงเสียงตอบรับ รปช. เป็นอย่างไรบ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า เสียงตอบรับดี พี่น้องประชาชนคนไทยที่ไปพบมาเกินครึ่งประเทศมีความคิดอย่างเดียวกับที่พวกตนที่เป็น ผู้ก่อตั้งพรรค คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องมีพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ประชาชนเป็นเจ้าของจริงๆ ถ้าเรามีพรรคการเมืองอย่างนี้ ประชาชนก็จะได้อาศัยพรรคการเมืองนี้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ ในการทำงานการเมืองเพื่อเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ
ส่วนในเรื่องความมั่นใจที่มีต่อ รปช.นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า อยู่ที่พี่น้องประชาชน เชื่อว่าพี่น้องประชาชนหลายคนตัดสินใจแล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เขาจะไปเลือกใคร พรรคไหน ตนเพียงแต่ว่ามาทำหน้าที่กราบคารวะพี่น้องประชาชนตามโครงการกราบคารวะแผ่นดินที่กำหนดขึ้น ข้อสำคัญตนได้ฟังแผ่นดิน ฟังความทุกข์ของประชาชน จะได้นำไปเรียนกีบคณะกรรมการนโยบายพรรค ให้เขาเขียนนโยบาย แก้ไขปัญหาของประชาชนให้ได้ผลมากกว่า
