หอบหลักฐานแจ้งจับ! “แม่ชี” ร่วมหมิ่นประมาท

2018-12-02 15:10:36

หอบหลักฐานแจ้งจับ! “แม่ชี”  ร่วมหมิ่นประมาท

Advertisement

รักษาการเจ้าอาวาสวัดแสงแรง เมืองคอน หอบหลักฐานแจ้งจับแม่ชีร่วมหมิ่นประมาท ขณะที่เจ้าคณะจังหวัด และ ผอ.อาศรมวัฒนธรรม ม.วลัยลักษณ์นัดชี้แจงสื่อพรุ่งนี้

จากกรณีที่ พล.ต.อาคม พงศ์พรหม รองแม่ทัพน้อยที่ 4 /รอง ผบ.กกล.รส.ทภ.4 พร้อมด้วยชุดรักษาความสงบ กองบัญชาการควบคุม มณฑลทหารบกที่ 41 ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สนธิกำลังเข้าช่วยเหลือการเคลื่อนย้ายสิ่งของแม่ชี ชะอ้อน คำฝาง อายุ 77 ปีออกจากวัดแสงแรง ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ทั้งนี้สืบเนื่องจากอดีตเจ้าอาวาสวัดได้มรณภาพมาเป็นเวลาหลายปี ทำให้วัดว่างเจ้าอาวาสมานาน มีแต่แม่ชีชะอ้อน คำฝาง เป็นผู้ดูแลอยู่ ซึ่งวัดมีอาณาเขตติดกับ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ทางคณะสงฆ์ โดยเจ้าคณะจังหวัดได้ตั้งเจ้าอาวาสคนใหม่มารักษาการหลายรูปจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ไม่สามารถปฏิบัติกิจของสงฆ์และปกครองแม่ชีได้ เนื่องจากมีการมั่วสุมยาเสพติดภายในวัดโดยมีวัยรุ่นที่อยู่นอกวัดเข้ามาเป็นประจำ เจ้าอาวาสโดนข่มขู่ ด้วยคำพูดและจะทำร้ายร่างกายจากบริวารแม่ชีชะอ้อน คำฝาง ไม่อยู่ในโอวาท และไม่ปฏิบัติคำสั่งของเจ้าอาวาสวัดหลายครั้ง


ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. แม่ชีชะอ้อน พร้อมบุตรสาว บุตรชายและนายณรงค์ บัณฑิต อายุ 58 ปี อดีตพระลูกวัดแสงแรง ได้เข้ามาร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้ทำความผิดใด ๆตามที่ทางหน่วยงานภาครัฐกล่าวหาและขับไล่ออกจากวัด นายณรงค์ บัณฑิต นำภาพพระภิกษุกอดจูบกับผู้หญิงมายืนยันว่าเป็นพระรูปเดียวกับรักษาการเจ้าอาวาสวัดแสงแรง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น



ล่าสุด วันที่ 2 ธ.ค. พระปลัดวิรุฬ รักขตตฺธัมโม รักษาการเจ้าอาวาสวัดแสงแรง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้นำภาพ และคลิปและข้อความข่าวที่ถูกนำเสนอทางสื่อมวลชนพร้อมเอกสารหลักฐานเดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เกษมสิทธิ์ จำปาทอง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับแม่ชีชะอ้อน คำฝาง นายณรงค์ บัณฑิต พร้อมลูกชายและลูกสาวของแม่ชะอ้อนในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยทางพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความพร้อมสอบปากคำพระปลัดวิรุฬ ผู้เสียหาย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

พระปลัดวิรุฬ รักขตตฺธัมโม รักษาการเจ้าอาวาสวัดแสงแรง กล่าวว่า แม่ชีชะอ้อน อยู่วัดแสงแรงมานาน 25-30 ปี และหลังจาก “พ่อท่านทอง” อดีตเจ้าอาวาสมรณภาพแม่ชีอาศัยอยู่ในวัดเพียงคนเดียวและออกบิณฑบาตเอง ออกหนังสือและนำตราวัดมาประทับส่งไปยังพุทธศาสนิกชนเพื่อแสวงหาปัจจัย พร้อมเรี่ยไรด้วยตัวเอง เมื่อได้ปัจจัยมาก็จะดำเนินการเองทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง โดยเมื่อทางคณะสงฆ์แต่งตั้งรักษาการหรือเจ้าอาวาสรูปใหม่มาอยู่วัดแสงแรงก็จะถูกแม่ชีพและบริวารข่มขู่คุกคาม จนไม่มีพระรูปใดสามารถทนอยู่ได้ จนกระทั่งมาถึงยุคอาตมาก็มีการข่มขู่คุกคามด้วยวิธีการต่าง ๆ จนทางคณะสงฆ์และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริงจนมีมติให้แม่ชีชะอ้อนออกไปจากวัดดังกล่าวเรื่องการมั่วสุมยาเสพติดไม่มีการกล่าวหาแม่ชีแต่อย่างใด เพียงแต่มีญาติ ๆ แม่ชีบางคนและชาวบ้านกลุ่มค้ายาเข้ามามั่วสุมใช้พื้นที่วัดค้ายา ส่งยา เสพยากันมาตลอด



“กรณีปัญหาที่อ้างวัดมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ต้องการเอาพื้นที่วัดไปเป็นของมหาวิทยาลัยนั้น เป็นเรื่องเดิมที่ทางมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์คัดค้านการออกโฉนดที่วัดเกินจากพื้นที่วัดเดิม 28 ไร่ แต่ปัญหาก็ยุติไปแล้วและทางคณะสงฆ์สามารถยื่นขอออกโฉนดวัดได้เรียบร้อยแล้ว โดยมีพื้นที่มากถึง 72 ไร่ และถือเป็นความเหมาะสมที่ต่อไปวัดแสงแรงจะเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์และชาวบ้านในละแวกข้างเคียงในการร่วมบูรณะวัดแสงแรงให้เป็นศูนย์รวมจิตใจ ศูนย์กลางในการปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริงในอนาคตอันใกล้นี้”

สำหรับนายณรงค์ บัณฑิต ที่ออกมาระบุชัดเจนว่ารูปภาพพระรูปหนึ่งกอดจูบกับผู้หญิง ภาพนี้ถูกเปิดเผยมาครั้งหนึ่งแล้วและกล่าวหาว่าเป็นอาตมา และอาตมายืนยันว่าไม่ใช่อาตมาแน่นอน จนทางคณะสงฆ์และสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบจนสรุปชัดเจนว่าไม่ใช่อาตมา เพราะหน้าตาผิดกันไม่ว่าจะส่วนของกรามที่มีขนาดใหญ่ มีโหนกแก้มนูน อายุก็มากกว่าอาตมา ลักษณะคล้ายคนภาคอีสานและน่าจะเป็นภาพเก่าเรื่องจึงเงียบไป ดังนั้นเมื่อนายณรงค์ เอาภาพเดิมมายืนยันว่าเป็นอาตมาอย่างนี้ เพื่อปกป้องสิทธิ์ อาตมาจำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย และพิสูจน์ความจริงกันอีกครั้ง รักษาการเจ้าอาวาสวัดแสงแรงกล่าวยืนยัน

ในขณะที่ รศ.ดร.สืบพงศ์ ธรรมชาติ อำนวยการอาศรมวัฒนธรรมวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เปิดเผยว่า เรื่องปัญหาวัดแสงแรงกับมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ตามที่แม่ชะอ้อน ร้องเรียนสื่อมวลชนนั้น เป็นเรื่องเก่ามาก ๆ และจบไปแล้ว เดิมพื้นที่วัดใช้ประโยชน์เพียง 28 ไร่ แต่ในปัจจุบันได้ขอออกโฉนด 72 ไร่โดยทางมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ไม่ได้คัดค้านใด ๆ และทางจังหวัดนครศรีธรรมราช คณะสงฆ์จังหวัดนครศรีธรรมราช มีเป้าหมายที่จะร่วมกับมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เพื่อพัฒนาวัดแสงแรงให้เจริญรุ่งเรือง เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นศูนย์กลางการประกอบกิจทางศาสนาของประชาชนในพื้นที่รวมทั้งคณะครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และศูนย์กลางในการปฏิบัติธรรมที่สมบูรณ์แบบครบถ้วน การที่แม่ชีชะอ้อนและพวก กล่าวพาดพิงถึงมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์น่าจะทำให้มหาวิทยาลัยเสียหายได้

ดังนั้นในเวลา 10.00 น.วันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.) ตนพร้อมด้วยพระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช(มหานิหาย) และพระปลัดวิรุฬ รักขตตฺธัมโม รักษาการเจ้าอาวาสวัดแสงแรง จะเดินทางมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับสื่อมวลชนศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป