“ธนาธร” ชี้ระบบทุนนิยมผูกขาดใกล้ชิดผู้มีอำนาจ อิงแอบระบอบเผด็จการ ครอบครองเศรษฐกิจส่วนมากของไทย เกาะกินผลประโยชน์จากรัฐ หากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่กดทับประเทศได้ ก็ไม่สามารถพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า
เมื่อวันที่ 28 พ.ย. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางไปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาลัยสหวิทยาการ สาขาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ เพื่อบรรยายพิเศษในหัวข้อ ความสัมพันธ์ของธุรกิจกับการเมือง โดยมีนักศึกษาเข้าร่วมรับฟังการบรรยาย ประมาณ 200 คน
นายธนาธร กล่าวบรรยายตอนหนึ่งว่า ในความเป็นจริง โลกทุกวันนี้ เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นโยบาย กฏหมายต่างๆ ของทุกประเทศ ถ้าจะอธิบายอย่างง่ายที่สุดล้วนมีที่มาจากการต่อสู้ เรียกร้องผลประโยชน์ต่อกัน ระหว่างรัฐกับภาคประชาสังคม และกลุ่มทุนที่มีอิทธิพลอยู่ในประเทศนั้นๆ เราจะสังเกตได้ง่ายๆ ว่า กฎหมาย นโยบายนั้น ๆ ถูกผลักดันมาจากภาคส่วนไหน วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือสังเกตดูว่านโยบายนั้นเอื้อประโยชน์ให้คนกลุ่มไหน กลุ่มทุนก็ต้องพยายามปกป้องผลประโยชน์ของตน ด้วยการรวมตัวจัดตั้งกลุ่มสมาคมต่างๆ เรียกร้อง ยื่นข้อเสนอ กดดัน เข้าล็อบบี้รัฐบาลด้วยวิธีต่างๆ รวมถึงวิธีที่ไม่โปร่งใสด้วย ส่วนฝ่ายประชาชน ก็อาจรวมตัวกัน เดินขบวน ประท้วง รณรงค์ ยื่นข้อเสนอต่างๆ ต่อภาครัฐ ให้ช่วยเหลือ ให้ความเป็นธรรม ในความเดือดร้อนต่างๆ ฝ่ายใด เป็นผู้ชนะ นโยบายนั้นๆ ก็จะถูกผลักดันออกมาใช้ในสังคม ซึ่งในหลายประเด็น เราก็อาจตัดสินใจได้ง่ายและชัดเจนว่า สิ่งใดที่จะเป็นประโยชน์และเป็นธรรมต่อประชาชนส่วนมากในประเทศ แต่ในหลายๆประเด็น เราก็ยากที่จะชี้ชัดลงไปได้ทันที ก็ต้องมีการศึกษาถึงผลกระทบ ผลได้ ผลเสีย กันให้รอบคอบจริง ๆ
นายธนาธร กล่าวต่อว่า ในสังคมประชาธิปไตยที่มีความเป็นธรรม การต่อสู้ เรียกร้อง จัดสรรทรัพยากรภายในประเทศ จะสามารถเป็นไปตามกลไกของสังคม และของตลาดเสรี มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม คนในสังคมสามารถตรวจสอบ คัดคานกันได้ เพื่อความชอบธรรม ผลประโยชน์ของคนส่วนมากในสังคม แต่ในประเทศไทย ไม่ได้เป็นเช่นนั้น สังคมไทย ถูกกดทับด้วยโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ทำให้ประเทศของเรา เศรษฐกิจตกต่ำต่อเนื่อง ประชาชนจำนวนมากของประเทศต้องยากลำบาก เพราะความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวย คนจน ซึ่งไทยติดอันดับ 3 ของโลกรองจากรัสเซียและอินเดีย ปัญหาสำคัญที่สุด ก็เนื่องมาจากระบบทุนนิยมผูกขาดในประเทศไทย ที่เอื้อประโยชน์ให้กับแค่ไม่กี่ตระกูล ที่เข้าไปเกาะกินผลประโยชน์จากรัฐ ด้วยธุรกิจสัมปทานผูกขาดต่างๆ และเข้าไปครอบครองทรัพยากรและรายได้จำนวนมากของประเทศ ซึ่งต่างมีผลประโยชน์ตอบแทนแก่กันและกัน เราจะเห็นได้ว่า กลุ่มทุนนิยมผูกขาดที่ครอบครองเศรษฐกิจส่วนมากของไทยอยู่ก็คือกลุ่มทุนที่ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจ อิงแอบกับระบอบเผด็จการ เป็นปฎิปักษ์ต่อประชาธิปไตย หากเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่กดทับประเทศไทยนี้ได้ เราก็ไม่สามารถที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้เลย