เรียกขวัญ “หนุ่มช่างไฟ” เหยื่อ 13 โจ๋รุมกระทืบ

2018-11-27 17:05:25

เรียกขวัญ “หนุ่มช่างไฟ” เหยื่อ 13 โจ๋รุมกระทืบ

Advertisement

ญาติทำพิธีผูกแขนเรียกขวัญให้กับหนุ่มช่างไฟฟ้าเหยื่อ 13 โจ๋โหดรุมกระทืบปางตาย หลังต้องนอนพักรักษาตัวนานกว่า 10 วัน และเพิ่งออกจาก รพ.พร้อมฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย โดยว่ากันไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง

จากกรณีกลุ่มวัยรุ่นกาฬสินธุ์ก่อเหตุสะเทือนขวัญรุมทำร้ายหนุ่มช่างไฟฟ้าขณะไปเที่ยวที่เธคชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพที่แสดงถึงความโหดร้ายทารุณ ด้วยการสลับกันใช้เก้าอี้ไม้ตีตามลำตัว โดยเฉพาะที่บริเวณศีรษะจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และนอกจากนี้ยังมีกลุ่มเพื่อนหนุ่มช่างไฟฟ้ายังถูกทำร้ายถึง 4 คน โดยตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจรวม 9 ราย จากทั้งหมดที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิดทั้ง 13 คน พร้อมยืนยันไม่มีลูกตำรวจและจะดำเนินคดีอย่างเป็นธรรมตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่บ้านเลขที่ 19/1 บ้านปากน้ำ ม.12 ต.กมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านของนายจักรพงษ์ สมวิลัย อายุ 21 ปี หนุ่มช่างไฟฟ้าที่ถูกรุมทำร้าย นายชัชวาลย์และนางพิศมัย สมวิลัย พ่อ แม่ของนายจักรพงษ์ พร้อมด้วยบรรดาญาติ พี่น้อง และเพื่อนบ้านได้ทำพิธีผูกแขนเรียกขวัญให้กับนายจักรพงษ์ หลังจากถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องนอนพักรักษาตัวที่รพ.กาฬสินธุ์นานกว่า 10 วัน และล่าสุดแพทย์ได้อนุญาตให้กลับมาพักพื้นที่บ้านเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความดีอกดีใจของญาติและเพื่อนบ้านหลังจากทุกคนได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วไม่คิดว่าจะมีชีวิตรอดมาได้




นายชัชวาลย์ สมวิลัย พ่อของนายจักรพงษ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการทำพิธีผูกแขนเรียกขวัญให้กับลูกชายตามประเพณีของคนอีสาน หลังจากลูกชายถูกทำร้าย จนได้บาดเจ็บสาหัส และต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานกว่า 10 วัน ซึ่งขณะนี้อาการล่าสุดสภาพร่างกายของลูกชายเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว รอยฟกช้ำและแผลดีขึ้นตามลำดับพอที่จะออกมาจาก รพ.ได้ ประกอบกับแพทย์ก็อนุญาต จึงจำเป็นต้องออกมาจาก รพ. แม้ยังไม่หายดี เพราะแขนขวา โดยเฉพาะบริเวณข้อมือและนิ้ว ซึ่งกระดูกแตกยังเข้าเฝือกดามเหล็กอยู่ เนื่องจากทางครอบครัวมีภาระหลายอย่าง เพราะต้องประกอบอาชีพทำมาหากิน ซึ่งตนเองนั้นต้องเดินทางไปขับรถแท็กซี่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ส่วนนางพิศมัยผู้เป็นแม่นั้นก็ต้องเปิดร้านขายส้มตำ และคอยดูแลลูกจนกว่าร่างกายจะกลับมาเป็นปกติ ซึ่งขณะนี้ลูกชายยังไม่สามารถไปทำงานได้ แต่โชคดีที่นายจ้างของโรงไฟฟ้าเอื้อเฟื้อให้หยุดงานรักษาตัวจนกว่าจะหายดี

นายชัชวาล กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวอยากให้เข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นพ่อ เป็นแม่ เพราะนอกจากลูกจะได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตายแล้ว ยังต้องสละเวลาหยุดประกอบอาชีพทำมากินมาดูแลเฝ้าอาการด้วยความเป็นห่วง กิน นอนไม่หลับ จึงไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใดอีก ซึ่งก่อนที่จะลงมือทำอะไรลงไปทุกคนควรมีสติและยั้งคิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทุกฝ่าย โดยเฉพาะครอบครัวของทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต้องช่วยกันหาทางแก้ไข ซึ่งทางครอบครัวรวมทั้งญาติพี่น้องของตนนั้นก็เปิดโอกาสที่จะให้ทางฝ่ายคู่กรณีได้เข้ามาเยี่ยมอาการ โดยไม่มีใครที่จะไปปิดกั้นหรือว่ากล่าวใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นและเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ดี ส่วนการดำเนินคดีนั้นทางครอบครัวก็ฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ดำเนินการว่ากันไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงต่อไป



ด้าน พ.ต.ท.สุเทพ ภูกัณหา รองผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าล่าสุดขณะนี้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ดำเนินการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องจนเกือบครบแล้ว ยังเหลือการสอบปากคำเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย รวมทั้งยังรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประวัติผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน 4 ราย จากที่มีผู้ต้องหาทั้งหมด 9 ราย จากสถานพินิจ และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยาน หลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนที่จะสรุปสำนวนส่งให้กับอัยการจังหวัดในเร็วๆนี้