พร้อมแล้ว..."ต้นหอม" เปิดใจรับลูกบุญธรรมจากน้องชายแท้ๆ

2018-11-27 13:15:26

พร้อมแล้ว..."ต้นหอม" เปิดใจรับลูกบุญธรรมจากน้องชายแท้ๆ

Advertisement

ได้ลูกมาเลี้ยงสมใจอยากแล้วสำหรับสาว "ต้นหอม-ศกุนตลา เทียนไพโรจน์" ที่ขอเด็กจากน้องสะใภ้แฟนน้องชายตัวเองมาดูแลเสมือนเป็นลูกแท้ๆ ล่าสุด เจอเจ้าตัวเลยสอบถามถึงเรื่องนี้ได้ความว่า

ลูกบุญธรรมจะคลอดเมื่อไหร่ ?
วันที่ 5 ธันวาคมค่ะ ให้เป็นไม้แรกของคุณหมอเลยเอาแต่เช้า





เตรียมตัวยังไงบ้าง ?
ตอนนี้พอเริ่มใกล้จริงๆ มันเริ่มตื่นเต้น เพราะว่าเขาไม่ได้อยู่ในท้องเรา 9 เดือน ฉะนั้นความผูกพันระหว่างเรา 9 เดือนของเรามันไม่มี แต่พอมันใกล้จะคลอดเราก็แบบเอาล่ะ เราต้องรับผิดชอบในฐานะแม่แล้วนะ ตอนนี้ก็คือเราขอคำแนะนำจากคนที่เขาขายของเด็กค่ะ เหมือนสปอนเซอร์ที่เขาติดต่อเราเข้ามา ก็พูดกับเขาตรงๆ เลยว่าช่วยเราหน่อย แนะนำเราหน่อยว่าหอมต้องเตรียมของอะไรบ้าง หอมก็มีไลน์ไปหานิวเคลียร์ หรรษา เขาก็จดมาให้ว่าของเด็กต้องมีอะไรบ้าง นิวเคลียร์ เราก็เข้าใจว่าของเด็กมีแค่ขวดนม กะลามังกับของกระจุกกระจิก แต่นิวเคลียร์จดมาสองหน้ากระดาษใหญ่ๆ เราก็โห...เราต้องเตรียมของเด็กขนาดนี้เลยเหรอ ก็เลยขอให้พวกแบรนด์สปอนเซอร์ต่างๆ อ่ะค่ะช่วยเราหน่อย





อันนี้คือเราจริงจังเลย ?
ค่ะ คือที่นิวเคลียร์จดบางอันเราก็ไม่เข้าใจว่าส่วนนี้ใช้อะไร ก็เลยรบกวนทุกคนให้ช่วยติ๊กให้หน่อยว่าอะไรที่เราต้องหาและอะไรที่พี่ๆ ช่วยหาได้บ้าง แต่ปรากฏว่าแบรนด์สินค้าเด็ก เขาช่วยเราได้เยอะมาก จนตอนนี้แทบจะไม่ต้องเตรียมอะไร แต่ก็ต้องขอคำแนะนำจากกุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์ และกุ๊บกิ๊บก็นัดวันศุกร์นี้ พาไปเลือกซื้อของ เราอาจจะได้ข้อมูลจากเขา เพราะเขาเลี้ยงเด็กมา

ดูเรามีกุนซือเยอะ ?


ใช่ค่ะ เพราะคนจะนึกภาพไม่ออกในการที่หอมจะเป็นแม่ คือตามหลักมันควรจะอุ้มท้องมา 9 เดือนก่อน แล้วความเป็นแม่มันจะออก



หลายคนสงสัยว่าทำไมเราถึงต้องมารับหน้าที่เป็นแม่ ?
เอ่อ...เอาจริงๆ เขาคือหลานเราแหละ แต่เขาเกิดมาในจังหวะที่พ่อกับแม่ไม่ได้พร้อม เพราะว่าเพิ่งคลอดลูกคนแรกไป และคุณแม่เป็นคนสิงคโปร์ ซึ่งก็ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลแบกมาเมืองไทย โดยที่ไม่ได้มีงานที่นี่ทำ เขาอยู่สิงคโปร์เขาเป็นอินทีเรีย แต่พอได้กับน้องเรา น้องเราก็พาเขามาลำบากที่เมืองไทยนี่แหละค่ะ เขาก็ยังไม่มีงาน ซึ่งตอนนี้ก็เปิดร้านสักคิ้วให้เขา และก็ไปได้ดี แต่มันเพิ่งเริ่มต้น มันยังไม่มีความพร้อม สำหรับการเลี้ยงลูกถึงสองคน แล้วตัวเราเองก็อยากมีลูกอยู่แล้ว เราเคยขอเขาตั้งท้องให้เราแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเขาบอกว่าไม่เอา เพราะตอนนั้นเขาบอกไม่ไหวจริงๆ แต่พอเขามีปุ๊บเราก็เลยบอกว่าคนนี้เราขอ อย่าเอาเด็กออก เราเอา เพราะว่าตามกฎหมายสิงคโปร์เขาให้เอาออกได้เมื่อคุณแม่ไม่พร้อม และพอดีน้องก็เกิดมามีปัญหาด้วยตอนแรก เพราะว่าคุณแม่ไม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ก็กินผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเรา ซึ่งมันไปช่วยลดน้ำหนักทำให้กินน้อย แล้วพอกินน้อยร่างกายไม่มีอาหารไปเลี้ยงเด็ก เพราะเด็กมันต้องกินเยอะกว่าปกติ ร่างกายก็เลยทำการขับเด็กออกโดยการทำให้มีเลือดไหล เขาก็เลยเข้าใจว่าประจำเดือนมาแล้ว มันเป็นความเข้าใจผิดปะปนกันไปหมด



ซึ่งโดยความพร้อมคุณหมอก็บอกว่าไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้จะยังฝังตัวอยู่ไหม เราก็เลยบอกว่าถ้าน้องเขาจะเกิดจริงๆ และสมบูรณ์จริงๆ เราจะรับเอง แต่ถ้าเกิดเขาเกิดมาโดยความไม่พร้อมสภาพร่อแร่แล้ว ก็แล้วแต่คุณแม่ตัดสินใจ เพราะตามกฎหมายสิงคโปร์เขาสามารถเอาน้องออกได้ เราก็เลยรอมาเรื่อยๆ จนคุณหมอมั่นใจว่าตอนนี้น้องปลอดภัยแล้วและแข็งแรงดี เราก็เลยบอกว่าปัญหาเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เรารับไว้เอง



เรื่องความพร้อมของเรามีขนาดไหน ?
หอมเป็นนักสู้ หอมรู้สึกว่าอะไรที่เราไม่เคยทำแต่หอมเชื่อว่าหอมทำได้ และหอมจะผ่านไปได้ เพียงแต่น้องอาจจะไม่ได้พูดเพราะเหมือนน้องอลิน น้องอลัน (หัวเราะ) คือเราดูโอปอล์ เราดูทุกคนในการสอนลูก เราก็ดู แพท ณปภา เราก็บอกว่าแพทสอนลูกดีมากเลย เพราะลูกเราก็เป็นลูกชาย เราก็พยายามดูทุกคนว่าสอนลูกยังไง เพราะเราเป็นคนพูดไม่เพราะ เวลาพูดกับหลาน ซันก็จะตีว่าอย่าพูดอย่างนี้ไม่เหมาะกับเด็ก ดีออกห้ามพูด เขาเป็นเด็ก เราก็อ้าวแล้วเราจะเป็นคุณแม่แบบไหน

เรามีกังวลอะไรไหม ?


หอมกังวลเพราะเขาเป็นลูกดารา ถ้าไม่ใช่ลูกดาราหอมก็จะเลี้ยงแบบที่พ่อแม่เราเลี้ยงอ่ะ ก็คือไม่ต้องสุภาพมากมาย (หัวเราะ) ก็เป็นสไตล์เรา แต่เมื่อเป็นลูกดาราปุ๊บทุกคนก็มาวุ่นวายกับเราเยอะมาก ห้ามทำอย่างนั้น ห้ามทำอย่างนี้ ก็กลายเป็นว่าเลี้ยงลูกยังไงให้เป็นดารามั้ง



แล้วจะสร้างเกราะให้ตัวเองยังไง ?
จะบอกว่าทุกคนไม่ต้องมายุ่งกับลูกฉัน มันเป็นไปไม่ได้เอาตรงๆ แม้กระทั่งตัวเราเราก็ยังไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ก็คงเป็นอลินอลันที่แบบลูกค่ะ เดี๋ยวแม่มารับนะคะ อาจจะใช้วิธีแบบโอปอล์คือพูดเพราะและใจเย็น ถ้าอะไรที่ไม่เข้าใจจะถามโอปอล์ก่อนเลย เพราะเรารู้สึกว่าเขาเลี้ยงลูกแล้วลูกเขาเข้าใจเขาดีอ่ะ เพราะหอมจะกลัวว่าถ้าวันหนึ่งลูกกรี๊ดจะทำยังไง ถ้าเป็นนิสัยตัวเองก็คงกรี๊ดกลับ (หัวเราะ)

เรื่องเอกสารเตรียมพร้อมหรือยัง ?
เรื่องเอกสารจริงๆ หอมก็ยังไม่มีความรู้ว่าต้องยังไง สัญชาติเขาเป็นลูกครึ่งอ่ะ แต่ทั้งหมดเป็นหน้าที่เรา ลูกก็มีชื่อเรา แต่ไม่รู้ว่าต้องดำเนินการยังไงบ้าง

แล้ว "ซัน ประชากร" จะเป็นพ่ออีกคนเลยใช่ไหม ?
คุณซันไม่ใช่พ่อนะคะ หลายคนจะเข้าใจว่านี่คือปะป๊าซัน เพราะสุดท้ายเด็กก็คือหลานหอม นี่คือภาระของเรา ซันอย่าว่าแต่ลูกเลย แค่การแต่งงานซันก็ยังไม่พร้อม ถ้าวันนี้จะบอกว่าไม่ต้องแต่งก็ได้แล้วมีลูกเลย หอมว่ามันกดดันเกินไป และเราก็ผลักภาระไปทางนั้นเกินไป คือเขาก็เหมือนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเราค่ะ วันนี้หอมก็เหมือนรับผิดชอบหลานหอมแหละ แต่ในฐานะลูก



แต่ซันจะมาช่วยเลี้ยงใช่ไหม ?
ซันพูดว่าซันจะช่วยเลี้ยง แต่การเลี้ยงเด็กจริงๆ หลายคนบอกว่าไม่ง่ายเลยนะ จะมีผลต่อความสัมพันธ์ของเราหรือเปล่า หอมก็ไม่รู้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่หอมไม่รู้ ซันถามว่าวันนี้น้องจะมาอยู่ยังไง เราจะมีชีวิตยังไง หอมยังหาคำตอบให้ไม่ได้ แล้วเราก็จะเรียนรู้ไปด้วยกันว่าไหวหรือไปต่อ ถ้าไม่ไหวก็มานั่งคุยกันอีกที


เตรียมรับดราม่าเรื่องเด็กแล้วใช่ไหม ?
จะต้องมีใช่ไหม ก็พูดตรงนี้เลยว่าอย่ามี เพราะตอนนี้ก็หนักพอแล้ว (หัวเราะ) เหนื่อยพอแล้ว


ถ้าเราวันนึงเราแต่งงานและมีลูกของตัวเองจริงๆ ล่ะ ?
เราไม่น่าจะตั้งครรภ์ได้ค่ะ เพราะไปเช็กกับคุณหมอ คุณหมอบอกว่าไข่ของหอมน้อยมาก มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์น้อยมาก ซันก็รู้ เพราะวันที่บอกคุณหมอก็ถามว่าพูดต่อหน้าซันได้ไหม หอมก็บอกว่าพูดได้เลย

ไปเช็กมาแล้ว ?
เช็กมาเรียบร้อยแล้วค่ะ ดังนั้นการมีลูกบุญธรรมก็คือเอาไว้ก่อนเลย ดีเลย

โอกาสของเรามีมากน้อยแค่ไหน ?
โอกาสของเราจริงๆ ก็ต้องไปลุ้นกับไข่ที่เราเคยฝากไว้ ซึ่งปกติเขาฝากกัน 10-20 ใบ เขายังติดกัน 1-2 ใบ เราเหลือแค่ 6 ใบเอง ถ้าเกิดหอมจะไปผสมจริงๆ หอมคงไปตระเวนไหว้พระทั่วประเทศเลยล่ะ (หัวเราะ)



แต่จริงๆ เราอยากมีลูกของเราเองไหม ?
“อยากมีค่ะ รักเด็ก และสถานะการเงินมีความพร้อมมากค่ะ (ยิ้ม) ก็ให้ลูกเขาเกิดมาเพื่อให้เรามีลูกด้วยค่ะ พูดเล่นนะคะ อย่าดราม่านะ (หัวเราะ)

เขาโอเคใช่ไหมกับเรื่องนี้ ?
เขารู้ว่าจะมีเด็กเกิดขึ้น แต่เขาไม่รู้ว่าภาระจะใหญ่มาก แล้วหอมจะอยู่กับเด็กตลอดเวลาไหม แล้วเขาล่ะ มันเป็นคำตอบที่หอมไม่มีคำตอบเพราะฉะนั้นเราต้องไปเรียนรู้ด้วยกันแล้วล่ะ คำตอบว่าเราจะไปด้วยกันได้ไหมคืออนาคต วันนั้นครอบมาถามกันอีกทีว่ายังไหวอยู่ไหม