"ณัฐวุฒิ" ลั่น ทษช. จะทุ่มเททำงานหนักเพื่อเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ ย้ำ การนำของเผด็จการไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า การเมืองเวลานี้ สถานการณ์ประชาธิปไตยเป็นเรื่องใหญ่ และเห็นว่า การนำของเผด็จการไม่สามารถแก้ปัญหาที่แท้จริงได้ 4-5 ปีที่ผ่านมาปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจชีวิตความเป็นอยู่ ผลผลิตการเกษตร ปัญหาประมงของชาวใต้ อยู่ในขั้นวิกฤต และจะต่อเนื่อง โดยไม่มีสัญญาณว่า จะได้รับการแก้ไข ซึ่งเป็นโอกาสของทุกพรรครวมถึง ทษช.ที่จะได้เสนอตัวให้พี่น้องชาวใต้พิจารณา และหากประชาชนเปิดใจให้โอกาส พรรคการเมืองที่สามารถทำงานได้จริงและเป็นรูปธรรมเข้าไปดูแลก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้
" ทษช.เป็นพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ จึงตั้งใจที่จะทุ่มเทสุดความสามารถจะพยายามทำงานอย่างหนักที่สุด เพื่อพิสูจน์ความจริงใจ ความตั้งใจ ให้ประชาชนคนใต้ได้เห็น เราจึงยังไม่ประกาศ ที่นั่ง ส.ส.เพียงแต่หวังที่นั่งเล็กๆในหัวใจของประชาชน คนภาคใต้ ให้เราได้มีโอกาสทำงาน ให้เราได้มีโอกาสยืนหยัดในหลักการที่ถูกต้อง เอาประชาธิปไตยนำทาง เอานโยบายและผลงานที่สัมผัส จับต้องได้ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ให้กับพี่น้องประชาชน"นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ ยืนยันว่า ทศช.จะทำงานหนัก เพื่อให้ได้รับคะแนนสนับสนุน ซึ่งไม่สามารถประเมินได้ว่า จะได้คะแนนเท่าใด เพื่อแพ้หรือชนะ นำไปสู่การมุ่งหวังคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะท้ายที่สุด ทุกพรรคการเมืองจะต้องทำเพื่อชัยชนะเพื่อคะแนนเสียงมากที่สุดในแต่ละเขต ดังนั้นพรรคปาร์ตี้ลิสต์ ที่มีการพูดถึงจึงไม่มีจริง
นายณัฐวุฒิ ระบุเพิ่มเติมว่าจะส่งผู้สมัครที่มีคุณภาพที่สุดลงสู้ในทุกเขตเลือกตั้ง และแกนนำของพรรคก็จะลงพื้นที่พูดคุยในทุกเขตเลือกตั้ง คาดหวังว่าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเขตเลือกตั้งทั้งหลาย วันนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าคนไทยพร้อมเปิดอ้อมกอดให้กันและกัน เพราะท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ได้ให้บทเรียนกับทุกคนว่า มีเพียงพลังของประชาชนเท่านั้น ที่สามารถช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ แม้จะมีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง แต่ถ้ายืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตยไม่มีใครที่จะลิดรอนอำนาจของประชาชนได้ จึงมั่นใจว่าพี่น้องคนใต้ ก็รู้สึกแบบเดียวกัน ทษช. น้อมรับทุกการตัดสินใจของประชาชนและจะทำให้ดียิ่งขึ้นในทุกการเลือกตั้ง เพื่อการยอมรับที่มากขึ้นต่อไป
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า พยายามเชิญชวน บุคคลเข้าร่วมงานทางการเมืองให้มากที่สุด หากจะมีเพื่อนอดีต ส.ส. ไปร่วมงานกับพรรคฝ่ายผู้มีอำนาจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และไม่สามารถปฏิเสธสิ่งนี้ได้ ดังนั้นที่ออกไปก็ออกไป ที่เดินเข้ามาใหม่ก็มีอีกมาก แต่ไม่เชื่อว่าประชาชนจะยอมให้นักการเมืองทรยศต่อเจตนารมย์ได้ง่ายๆ ดังนั้นเชื่อว่าถ้าเรายืนหยัดบนหลักการที่ถูกต้องโอกาสยังเปิดอยู่สำหรับประชาชนเสมอ