ในที่สุด กรรมการบริหารของบริษัทนิสสัน มอเตอร์ โค ของญี่ปุ่น ก็ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ในการประชุมกันเมื่อวันพฤหัสบดี ปลดนายคาร์ลอส โกส์น วัย 64 ปี ออกจากตำแหน่งประธานบริษัท โดยการตัดสินใจดังกล่าวของบอร์ดบริหาร มีขึ้นหลังจากนายโกส์น ถูกจับกุมตัว แบบช็อกบริษัท ซึ่งอาจส่งผลในระยะยาวให้เกิดความไม่แน่นอนในความพันธมิตร 19 ปี กับบริษัทเรโนลต์
ในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง ที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของบริษัท นิสสัน บอกว่า การปลดนายโกส์นครั้งนี้ จะส่งผลกระทบและความสับสนน้อยมากในความร่วมมือระหว่างหุ้นส่วนพันธมิตร อย่างไรก็ตาม เรโนลต์ยังไม่ได้มีมติปลดนายโกส์นออกจากตำแหน่ง แม้ว่าเขาจะยังคงถูกควบคุมตัวพร้อมด้วยนายเกรก เคลลี ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอีกคน ที่ถูกปลดออกพร้อมกัน ในข้อหา “มีความประพฤติมิชอบทางการเงิน”
นิสสัน บอกด้วยว่า ได้เสนอชื่อผู้อำนวยการอิสระ 3 คน เพื่อสอบสวนปัญหาการบริหาร
ความเป็นพันธมิตรระหว่างเรโนลต์ของฝรั่งเศสและนิสสัน ของญี่ปุ่น ซึ่งยังได้ขยายพันธมิตรไปยังมิตซูบิชิ มอเตอร์สด้วยในปี 2559 สั่นสะเทือนอย่างหนักจากการจับกุมตัวผู้บริหารมือทองอย่างนายโกส์น ในญี่ปุ่นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในข้อหาอื้อฉาวทางการเงิน ทั้งนี้ นายโกส์น ซึ่งนั่งตำแหน่งประธานนิสสันเกือบ 20 ปี เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเรโนลต์และนิสสัน ให้แนบแน่นมากขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า อาจมีการควบรวมกิจการอย่างเต็มรูปแบบในอนาคตด้วยตามความต้องการของรัฐบาลฝรั่งเศส แม้ว่าบริษัทของญี่ปุ่นจะยังคงสงวนท่าที่อยู่ก็ตาม

โกส์น ถูกกล่าวหาโดยนิสสันว่า รายงานตัวเลขเงินเดือนต่ำกว่าความเป็นจริง และนำทรัพย์สินของบริษัทไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว แต่บางคนมองว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของบริษัทในการถ่วงดุลอำนาจในการเป็นพันธมิตรกับเรโนลต์ และมิตซูบิชิ ซึ่งนายโกส์นนั่งเป็นประธานอยู่ด้วย โดยนายโกส์นเป็นผู้สร้างความสัมพันธ์ระหว่าง 3 บริษัทนี้
ขณะนี้ ทั้งโกส์น และเคลลี ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในคุก กรุงโตเกียว