ผู้นำ 10 ประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 33 ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันอังคาร (13 พ.ย.) โดยที่ประชุมได้กล่าวเตือนผลกระทบของลัทธิคุ้มครองทางการค้า
นายกรัฐมนตรีลี เสียน หลุง ของสิงคโปร์ ผู้นำเจ้าภาพ แสดงความวิตกในระหว่างการกล่าวแถลงเปิดการประชุม เกี่ยวกับผลกระทบของสิ่งที่เขาเรียกว่า “แนวโน้มยุทธศาสตร์ใหม่ระหว่างประเทศ” ที่มีต่อระบบพหุภาคี ที่สนับสนุนการเติบโตและเสถียรภาพของอาเซียน
ก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้น นายกรัฐมนตรี ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ของมาเลเซีย ยังได้กล่าวเตือนเช่นกันว่า ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน อาจทำให้เกิดผลกระทบจากมาตรการปกป้องทางการค้าต่อประเทศอื่น ๆ
ในระหว่างการประชุมหารือพร้อมกับรับประทานอาหารมื้อค่ำ บรรดาผู้นำอาเซียนได้พูดคุยกันในหลายประเด็น รวมถึงวิกฤติโรฮีนจาในเมียนมา และความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ซึ่งในแถลงการณ์ที่เตรียมไว้สำหรับการประชุมครั้งนี้ ระบุว่า กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเรียกร้องให้กลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังความรุนแรงในรัฐยะไข่ของเมียนมา ต้อง “รับผิดชอบอย่างเต็มที่” ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นถึง แนวนโยบายที่แข็งกร้างขึ้นของอาเซียน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ ยังได้กล่าวกับผู้สื่อข่าว หลังถูกซักถามว่า เมียนมาและนางออง ซาน ซู จี มีวิธีจัดการอย่างไรกับประเด็นชาวโรฮีนจา ซึ่งมหาเธร์ ตอบว่า ดูเหมือนนางซูจี กำลังพยายามปกป้องในสิ่งที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ จากข้อกล่าวหาที่ว่า กองทัพเมียนมาปราบปรามชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮีนจาอย่างป่าเถื่อน