องค์การนิรโทษกรรมสากล “แอมเนสตี” กลุ่มสิทธิมนุษยชนชื่อดัง ตัดสินใจยึดรางวัล “ทูตแห่งมโนธรรมสำนึก” ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศด้านมนุษยชนสูงสุดของแอมเนสตี คืนจากนางออง ซาน ซู จี ผู้นำรัฐบาลเมียนมา โดยอ้างเหตุผลว่า เธอไม่ได้ต่อต้านการใช้ความรุนแรงของกองทัพในการกวาดล้างชนกลุ่มน้อยชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่
นางซู จี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับการเชิดชูว่า เป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถูกถอดถอนรางวัลเกียรติยศระหว่างประเทศแล้วหลายรางวัล จากกรณีการหลั่งไหลออกนอกประเทศของชาวโรฮีนจา ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในเดือนสิงหาคม 2560
แอมเนสตีเสนอชื่อนางซู จี รับรางวัล “ทูตแห่งมโนธรรมสำนึก” (Ambassador of Conscience Award) ในปี 2552 ขณะที่เธอยังคงถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพักกรุงย่างกุ้ง หลังเธอต่อต้านการกดขี่ของรัฐบาลเผด็จการทหาร แต่แอมเนสตี ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ว่า เธอล้มเหลวในการขัดขวางและยังปกป้องกองทัพจากความรับผิดชอบสำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮีนจา ซึ่งเรียกพฤติกรรมนี้ว่า “เป็นการทรยศอย่างน่าละอายต่อคุณค่าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยยืนหยัดต่อสู้”
นางซู จี เผชิญหน้ากับแรงกดดันอย่างหนักหน่วงจากนานาชาติ ซึ่งรวมทั้งจากแอมเนสตี เพื่อให้ประณามความป่าเถื่อนของกองทัพในการกวาดล้างชาวโรฮีนจา อย่างไรก็ตาม เธอปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น อีกทั้งเธอยังเห็นด้วยกับการจำคุก 2 นักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งขุดคุ้ยเรื่องการเข่นฆ่าชาวมุสลิมโรฮีนจาด้วย
ล่าสุด รัฐบาลเมียนมาอ้างว่า จะเริ่มรับผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจากลุ่มแรกกลับในปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงกับบังกลาเทศ แต่ก็ได้รับคำเตือนจากสหประชาชาติ และหน่วยงานบรรเทาทุกข์ว่า ยังไม่ต้องรีบ โดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยยูเอ็น ต้องการให้ครอบครัวชาวโรฮีนจาสามารถเดินทางกลับอดีตหมู่บ้านของพวกเขาและตัดสินใจด้วยตัวเองว่า พวกเขารู้สึกว่าสามารถอาศัยอยู่ได้ด้วยความปลอดภัยและด้วยศักดิ์ศรีหรือไม่
