“อนุทิน”อ้าแขนรับ 2 ทายาท “เสี่ยตือ”

2018-11-12 13:35:02

“อนุทิน”อ้าแขนรับ 2 ทายาท “เสี่ยตือ”

Advertisement

“อนุทิน” อ้าแขนรับ 2 ทายาท “เสี่ยตือ” ตบเท้าสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย “ภราดร” ลง ส.ส.เขต ส่วน “กรวีร์” ลงแบบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นหนึ่งในทีมงานรุ่นใหม่ของพรรค


เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 12 พ.ย. ที่พรรคภูมิใจไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล และ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล อดีตสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย(ภท.) โดยมีแกนนำพรรคให้การต้อนรับอย่างคึกคัก นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิก นายสรอรรถ กลิ่นประทุม กรรมการบริหารพรรค รวมถึงนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย อดีต ส.ส.ศรีษะเกษ อดีตหนึ่งในสมาชิกกลุ่มยังบลัดของพรรคชาติไทยพัฒนา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงของการกรอกใบสมัครของ 2 พี่น้อง มีสื่อมวลชนเฟซบุ๊กไลฟ์ ปรากฏว่า น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เข้ามาแสดงความยินดีว่า Congratulations จากนั้น เวลา 10.20 น. นายอนุทินได้เดินทางมาที่พรรค โดยนายภราดรและนายกรวีร์เข้าไปยกมือไหว้ นายอนุทินรับไหว้พร้อมตบไหล่และกล่าวว่า Welcome ยินดีต้อนรับเข้าสู่พรรคภูมิใจไทย พร้อมทั้งมอบเสื้อพรรคให้แก่นายภราดรและนายกรวีร์


นายอนุทิน กล่าวว่า ดีใจที่ได้คนคุณภาพและคนรุ่นใหม่ ไฟแรง มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ เป็นนักการเมืองชั้นดี จะทำให้สิ่งที่ประชาชนฝากความหวังไว้กับพรรคเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ยืนยันว่าพวกเราทุกคนทำงานเป็นทีม ที่มีการเขียนว่าพรรคเป็นพรรคของกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ บัดนี้ได้แสดงให้เห็นชัดเจน ทุกคนที่มาร่วมงานกับพรรคในช่วงนี้ คนเหล่านี้มีวุฒิภาวะ มีประสบการณ์ แยกแยะสิ่งที่มีประโยชน์กับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ได้ดี ดังนั้น จะทำให้ประชาชนเห็นว่า พรรคเราพร้อมกับอนาคตของประเทศไทย ขอฝากพรรคไว้กับคนรุ่นใหม่ เพราะตนอายุเข้าสู่เลข 5 แล้ว อย่างมากก็เล่นการเมืองได้อีก 2 สมัย ยุคสมัยต้องมีการเปลี่ยนผ่าน ทำให้สถาบันการเมืองมีความน่าเชื่อถือ ตนเคยใฝ่ฝันไว้ว่าทำอย่างไรพรรคจะโชคดีมีบุคลากรแบบนี้มาร่วมงานกับพรรค แต่ก็ไม่กล้าคิด ทั้งนี้ การที่มีคนทยอยมาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย น่าจะเกิดจากการที่เราปฏิบัติตนอยู่ในที่ชอบที่ควร และปฏิบัติตนให้นักการเมืองด้วยกันมองว่า นี่เป็นความหวัง ไม่มีการพูดว่าจะเป็นรัฐบาลอย่างแน่นอนถึงทำให้คนมาร่วม ไม่ใช่ แต่เราทำได้ทุกบทบาท เป็นรัฐบาลก็จะได้คนที่มีคุณภาพ เป็นฝ่ายค้าน ถ้ารัฐบาลทำไม่ดี ถ้ารอดได้ก็ให้รู้ไป เราทำงานการเมือง เป้าหมายแรก ต้องเป็นผู้แทนราษฎรให้ได้ ขอย้ำว่า ไม่ได้ตั้งเป้าจำนวน ส.ส. แต่จะทำดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ และยอมรับผล ถ้าเราตั้งเป้า ถ้าต่ำกว่าเป้าก็ถือว่าล้มเหลว และถ้าเกินเป้า ก็จะเหมือนว่าประสบความสำเร็จ จึงไม่อยากตั้งเป้า ให้เราได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่กดดันตัวเอง และไม่ให้ใครมากดดันเราด้วย


ด้าน นายภราดร กล่าวถึง เหตุผลการย้ายพรรค ว่า อันดับแรกต้องขอถือโอกาสขอบคุณพรรคชาติไทยพัฒนา ตลอดระยะเวลา 10 ปีทีให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ตนอยู่กับนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย มาตั้งแต่ปี 2550 โดยเฉพาะนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล คุณพ่อ อยู่กับพรรคมากว่า 30 ปี ดังนั้น พวกเรามีความผูกพัน และรู้สึกเป็นบุญคุณที่พรรคชาติไทยหยิบยื่นโอกาสให้พวกเรามาโดยตลอด ส่วนเหตุผลที่จำเป็นต้องย้ายพรรค ต้องบอกว่า สำหรับนักการเมืองไม่มีใครอยากย้ายพรรค แต่ด้วยเหตุผลของคุณพ่อที่บอกกับสื่อไว้ว่า จำเป็นต้องออกจากพรรค เพราะเป็นห่วงพรรค ไม่อยากเห็นพรรคล้มละลายหรือถูกยุบเพราะตัวท่าน ดังนั้นท่านจึงจำเป็นต้องเดินออกมา




“เมื่อคุณพ่อเห็นว่าตัวเองควรจะเดินออกมาเพื่อรักษาพรรคไว้ ผมในฐานะลูกก็เข้าใจความรู้สึกพ่อ และไม่อยากทำให้พ่อต้องรู้สึกอึกอัด เพราะเรารู้จักพ่อดี ถ้าเรายังอยู่ที่เดิม คนเป็นพ่ออย่างนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เมื่อถึงเวลาที่ปี่กลองดัง และด้วยจิตวิญญาณของนักการเมือง ผมเชื่อว่าคุณพ่อคงปฏิเสธตัวเองไม่ได้และเดินเข้าไปที่พรรค และสุดท้ายอาจเป็นเป้าทางการเมือง และนำไปสู่การยุบพรรค ซึ่งถ้าไปถึงจุดนั้น พวกเราปริศนานันทกุล ตอบคำถามสังคมไม่ได้ คงรู้สึกผิดไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต จึงเป็นเหตุผลที่วันนี้ พวกผมต้องมาขอบารมีของท่านอนุทิน” นายภราดรกล่าว


ด้านนายกรวีร์ กล่าวว่า ได้ปรึกษาหารือกับคุณพ่อ ต้องบอกว่าที่บ้านของเราไม่มีการบังคับ นับแต่วันแรกตนและนายภราดร ตัดสินใจทำงานการเมืองก็เกิดจากการสมัครใจของเราทั้งคู่ ส่วนการตัดสินใจว่าจะไปอยู่พรรคไหน คุณพ่อแค่บอกว่า เขาออกมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา ส่วนลูกสองคนจะไปอยู่ที่ไหนก็ให้เป็นการตัดสินใจของพวกเราทุกคน ซึ่งเมื่อเราได้รับทราบถึแนวทาการทำงานของพรรคภูมิใจไทย เรามีความตั้งใจทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมือง ไม่ใช่พรรคที่เป็นเพียงการนำ ส.ส.เข้ามาสู่สนามเลือกตั้ง แล้วก็จบกันไป แต่แนวทางของพรรคภูมิใจไทย คือผลักดันนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ซึ่งปัจจุบันคิดว่า ควรหมดคำถาม ที่ถามว่าจะไปอยู่พรรคทหาร หรือไม่พรรคทหาร แต่ควรปัญหาปากท้องของประชาชน มาเป็นตัวตั้ง ซึ่งก็ตรงกับแนวทางของพรรคภูมิใจไทย พวกเราสองคนเป็นคนหนุ่ม คิดว่าเราจะมาช่วยเหลือและทำงานรับใช้พรรคผลักดันพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองในอนาคตให้ได้

นายอนุทิน กล่าววา สำหรันนายภราดร จะลง ส.ส.เขต ส่วนนายกรวีร์ จะลงแบบ ส.ส.บัญชีรายชื่อและจะร่วมเป็นหนึ่งในทีมงานรุ่นใหม่ของพรรค


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภราดรและนายกรวีร์ ถือเป็นอดีตสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาคนที่ 4 และ 5 ที่ย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย หลังจากก่อนหน้านี้ นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต ส.ส.อุทัยธานี นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ อดีต ส.ส.ศรีษะเกษ ย้ายมาร่วมงานกับพรรคก่อนหน้านี้