“อัจฉริยะ”ร้อง สบส.ฟัน รพ.ไม่รักษาสาวถูกสาดน้ำกรด

2018-11-12 11:40:17

“อัจฉริยะ”ร้อง สบส.ฟัน รพ.ไม่รักษาสาวถูกสาดน้ำกรด

Advertisement

“อัจฉริยะ” นำครอบครัวผู้เสียชีวิตจากกรณีสามีสาดน้ำกรด ร้อง สบส. เอาผิด รพ.เอกชน ภายใน 3 วัน พร้อมยื่นเรื่องให้แพทยสภา สภาการพยาบาล เอาผิดผู้เกี่ยวข้อง

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า วันนี้พาครอบครัวผู้เสียชีวิต กรณีถูกสาดน้ำกรดใส่แต่ทาง รพ.เอกชน ไม่รับเป็นคนไข้ เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อให้เอาผิดกับ รพ. ต่ออธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.ป กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ฐานไม่รับคนไข้ทำให้คนไข้เสียชีวิต และร้องต่อแพทยสภาให้เอาผิดต่อแพทย์ที่ไม่ดูแลคนไข้ ร้องสภาการพยาบาล ให้เอาผิดกับพยาบาลที่แจ้งให้คนไข้ไปรักษาที่อื่น ส่วนปัญหาที่ รพ.อ้างว่าไม่ได้เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่ และคนไข้ประสงค์จะไปรักษาที่อื่นไม่เป็นความจริง เพราะคนไข้ไม่สามารถช่วยเหลือเองตัวได้ ประกอบกับญาติผู้ป่วยเป็นเด็กอายุเพียง 12 ปี ยืนยันว่าแพทย์และพยาบาลมีหน้าที่ต้องรักษา ส่วนการจะส่งต่อให้ รพ.อื่นควรต้องมีการประสานงานให้แต่กลับไม่ปฏิบัติตาม และยังให้พยาบาลเป็นผู้วินิจฉัยโรค ซึ่งมองว่าขาดมาตรฐาน ทั้งนี้อยากให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างสำหรับมาตรการช่วยเหลือการรักษาที่ถูกต้อง


ด้าน นางองอาด ทาระวัน แม่ผู้เสียชีวิตอายุ 59 ปี ระบุว่า อยากเรียกร้องความเป็นธรรมกับเรื่องนี้ หากวันนั้น รพ.ให้รถฉุกเฉินไปส่งต่อลูกสาวคงไม่เสียชีวิต

ขณะที่ลูกสาวผู้เสียชีวิตบอกว่า วันเกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่แจ้งข้อมูลหรือแจ้งสิธิการรักษา บอกเพียงแค่ว่าให้นำแม่ไปรักษายัง รพ.อื่น

ขณะที่ นพ.ประภาส จิตตาศิรินุวัตร รองอธิบดี สบส. เดินทางรับหนังสือร้องเรียน พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ รพ.นี้มาก่อน ทั้งนี้กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่ ผู้ป่วยที่อยุ่ในสถานะฉุกเฉินสามารถรับการรักษา รพ.ใดก็ได้ ในช่วง 72 ชั่วโมงแรกรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งเกณฑ์ในการวินิจฉัย มีสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินในการวินิจฉัยว่าวิกฤตหรือไม่ หากวิกฤตจริงก็จะต้องรับคนไข้เข้าดูแลทันที แต่หากประเมินแล้วว่าไม่วิกฤตจะต้องมีการประสานงานส่งต่อยังโรงพยาบาลที่ 2 สำหรับโทษที่อาจจะได้รับหากพบความผิดจริงก็จะมีทั้งโทษทางวินัยถึงขั้นถอนใบอนุญาติ และโทษทางอาญา จำคุก2ปีปรับไม่เกิน4หมื่น ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง ก็ต้องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป


อย่างไรก็ตามนายอัจฉริยะ ได้สอบถามถึงระยะเวลาการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมระบุว่าขอให้ดำเนินการตรวจสอบภายใน 3 วัน ซึ่งรองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ บอกว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด

ส่วนในช่วงบ่ายวันนี้ครอบครัวจะเดินทางไปที่ สน.ท่าข้าม เพื่อติดตามดูการทำแผนประกอบคำรับสาภาพของผู้ต้องหา หลังจากนั้นจะเดินทางไปรับศพที่ รพ.ตำรวจและจะนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีตามทางศาสนาที่บ้านเกิด อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น ในช่วงเย็นวันนี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“คำตัน”สารภาพสาดน้ำกรดเมีย