ตำรวจแจ้ง 5 ข้อหาหนัก จ.ส.อ.ติดเชื้อเอชไอวีหลอก ด.ช.ไปตุ๋ยถ่ายคลิปแบล็กเมล์ 70 คน เผยเลือกเหยื่อผ่านแอพพลิเคชั่นชาวสีม่วง ร่วมเพศเสร็จทำตารางรายชื่อเหยื่อ พร้อมเบอร์ติดต่ออย่างละเอียด
เมื่อวันที่ 8 พ.ย. พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4 ) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ร่วมจับกุม จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ ค่อมสิงห์ อายุ 43 ปี หลังผู้ปกครองแจ้งว่า หลอกลวงบุตรชายไปมีเพศสัมพันธ์แล้วถ่ายคลิปแบล็กเมล์ ทั้งนี้ ด.ช. ตกเป็นเหยื่อถึง 70 คน ในพื้นที่ อ.น้ำพอง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น จ.กาฬสินธุ์ จ.มุกดาหาร และ จ.สกลนคร สำหรับพฤติกรรมของนายจักรกฤษณ์ จะใช้แอพพลิเคชั่นบลูในการหาเหยื่อโดยนำรูปชายหน้าตาดีมาสวมเป็นรูปโปรไฟล์ และเลือกเหยื่อที่อยู่พื้นที่ใกล้กัน และนัดเจอกัน จากนั้นได้ใช้กำลังข่มขู่ และถ่ายคลิปไว้เพื่อขอมีเพศสัมพันธ์อีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างจับกุมพบยาต้านไวรัสเอชไอวีที่บริเวณลิ้นชักเก็บของตรงคอลโซนรถยนต์ของผู้ต้องหา ซึ่ง จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ ยอมรับว่าติดเชื้อเอชไอวี อยู่ระหว่างการรักษาโดยใช้ยาต้านไวรัส จากการตรวจค้นในห้องพักพบกระดาษตารางรายชื่อเหยื่อ ที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์ เฟซบุ๊ก ไอจี ที่น่าตกใจคือมี การมีเพศสัมพันธ์แต่ละครั้งระบุด้วยว่ามีสวมถุงยางอนามัยหรือไม่ อย่างไรก็ตามต้นสังกัดรับทราบเรื่องแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาลงโทษทางวินัย และให้ออกจากราชการ สำหรับคนที่ถูก จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ ล่วงละเมิดทางเพศ สามารถแจ้งความได้ที่ สภ.น้ำพอง
ทั้งนี้ได้มีการแจ้ง 5 ข้อหา จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ ประกอบด้วย กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซี่งมิใช่ภรรยาหรือสามีตนโดยเด็กนั้นยินยอมหรือไม่ก็ตามต้องระวังโทษจำคุกสี่ปีถึง 20 ปีปรับ 80,000 บาทถึง 4 แสนบาท ,กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ,พาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อกระทำอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปีหรือปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ,พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล และเพื่อการอนาจารต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปีหรือปรับปรับตั้งแต่ 6,000 ถึง 3 หมื่นบาท และ ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจหรือของผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ข่มขืนใจ ต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ