ทนายชี้กรมศุลฯเข้าข่ายกลั่นแกล้ง เรียกค่าปรับ 2 เท่ารถเอ็นจีวี

2017-02-04 14:29:26

ทนายชี้กรมศุลฯเข้าข่ายกลั่นแกล้ง เรียกค่าปรับ 2 เท่ารถเอ็นจีวี

Advertisement

นาย คณิสสร์ ศรีวชิระปะภา ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้ชนะการประมูลโครงการจัดหารถโดยสารที่ใช้ก๊าชธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (รถเมล์เอ็นจีวี) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท ซุปเปอร์ซาร่าฯ นำเข้ารถเมล์โดยสารใหม่จากประเทศมาเลเซีย เข้ามาในราชอาณาจักร 99 คัน ตามใบขนเลขที่ A0020591200783 โดยเรือ GLOVISPRIME เที่ยววันที่ 1 ธ.ค.59 ได้สำแดงรายการเสียภาษีในประเภทพิกัด 8702.90.94 อัตรา 0% เป็นการใช้สิทธิลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับของที่มีกำเนิดจากอาเซียน ฉบับประกาศใน พ.ร.บ. ราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 6 ม.ค.55 แต่กรมศุลกากรต้องการให้บริษัทฯวางประกันค่าภาษีในอัตรา 40%และวางประกันค่าปรับ 2 เท่าของค่าภาษี บริษัทฯยินยอมจะวางประกันค่าภาษี โดยขอไม่ต้องวางเงินประกันค่าปรับจำนวน 2 เท่า เนื่องจากว่าไม่เป็นไปตามประมวลระเบียบปฏิบัติที่กรมศุลกากรกำหนดไว้ พ.ศ. 2556 ข้อ 4 03 06 05 เรื่องการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากร สำหรับสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดจากอาเซียน (ATIGA)เป็นการทั่วไป
โดยขณะนี้กรมศุลกากรยังไม่ได้แสดงหลักฐานพิสูจน์ว่า รถเมล์ดังกล่าวไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นถิ่นกำเนิดมาเลเซีย (เพียงมีข้อสงสัย) ว่ารถบัสประกอบสำเร็จรูปทั้งคันและส่งจากประเทศจีน ทั้งนี้บริษัทฯได้แสดงเอกสารจากทางการมาเลเซีย(From D) เพื่อขอยกเว้นภาษีนำเข้าแล้วและต้องการให้กรมศุลกากรเร่งสรุปผลและนำหลักฐานต่างๆ มาเปิดเผยยืนยันว่ารถเอ็นจีวีไม่ได้มีถิ่นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงการกล่าวอ้างว่า สงสัยว่า ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ ขณะที่คนกรุงเทพฯก็เสียโอกาสในการใช้บริการรถเมล์ใหม่ นายคณิสสร์ กล่าว
นายปัญญ์ เกษมทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายศุลกากร ให้ความเห็นเรื่องดังกล่าวว่า ตามประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ.2556 ข้อ 4 03 06 05 การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากร สำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากอาเซียน ( ATIGA)กำหนด
สำหรับการกล่าวหาว่ากระทำผิดศุลกากรโดยการแจ้งข้อกล่าวหาไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดๆยืนยันว่ามีการกระทำผิดจริง ดังจะเห็นได้จากกรมศุลฯ มีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาสำหรับการนำเข้ารถเอ็นจีวีจำนวน 145 คันว่า “เชื่อได้ว่ารถบัสมีกำเนิดประเทศเป็นประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน”อันอาจมีการสำแดงเมืองกำเนิดสินค้าเป็นเท็จ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กรมศุลฯ ยังไม่มีหลักฐานในเรื่องดังกล่าว การเรียกให้บริษัทฯต้องวางประกันค่าปรับ 2 เท่า จึงเกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและเห็นว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งการประกอบกิจการธุรกิจทำให้ไม่สามารถส่งมอบรถยนต์โดยสารเอ็นจีวีได้ทันตามกำหนดเวลาในสัญญา ดังที่กรมศุลฯ ได้เพิ่มหมายเหตุในใบขนสินค้าฉบับที่กล่าวหาที่บริษัทฯสำแดงรายการ “ขอสงวนสิทธิ์การขอคืนอากรภายหลังการนำเข้าโดยใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า(Form D)”แต่เจ้าหน้าที่ของกรมศุลฯ ได้เพิ่มข้อความ “มีปัญหาถิ่นกำเนิดเนื่องจาก คกก.ตรวจปล่อยรถยนต์ตรวจพบว่ารถยนต์ฯมีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ตามแฟ้มคดีที่ ล.119/11.1.60 ซึ่งข้อความที่เจ้าหน้าที่เพิ่มเติมเข้ามาเองมุ่งประสงค์ว่าเป็นบริษัทฯรับรองรายการในใบขนฯและทำให้เกิดปัญหาในการส่งมอบรถให้กับ ขสมก.
และบริษัทฯ เห็นว่า การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายถือว่าไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของเขตการค้าเสรีอาเซียนที่ต้องการให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างเสรีภายใต้อาเซียน จึงเกรงว่าการบังคับใช้กฎหมายโดยการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมอาจเป็นการกีดกันทางการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน