ผู้เสียหายจากการทำข้าวกล่อง 1 หมื่นกล่อง เข้าแจ้งพนักงานสอบสวน สภ.พญาแมน จ.อุตรดิตถ์ เอาผิด 2 สาวว่าจ้างแล้วไม่มารับทำสูญเงินกว่า 8 แสนบาท สาวอีกรายโผล่แฉซ้ำ ก่อนหน้านี้สั่งพ่อให้ทำข้าว 2 หมื่นกล่อง แล้วอ้างไม่มีคุณภาพ ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 7 แสน สุดท้ายพ่อเครียดจนเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางธนิสร กุยแก้ว อาศัยอยู่ที่บ้านวังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ผู้เสียหายจากกรณีรับจ้างทำข้าวกล่อง แต่ผู้สั่งไม่มารับข้าวทำให้เน่าเสีย ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พญาแมน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.กัญจ์หทัย (ขอสงวนนามสกุล) ชาว อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี กับ น.ส.ธนิตา (ขอสงวนนามสกุล) ชาว อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ทั้ง 2 คนเป็นผู้ว่าจ้างให้ทำข้าวกล่อง 10,000 กล่อง ราคากล่องละ 35 บาท พร้อมน้ำดื่มอีก 10,000 ขวด รวมเป็นเงินต้นทุน พร้อมซื้ออุปกรณ์ต่างๆ กว่า 8 แสนบาท ทำเสร็จเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2561 โดยใช้แรงงานรวมญาติพี่น้องกว่า 30 คน มาช่วยกันทำหวังให้มีรายได้ไม่ได้หลับได้นอน แต่หลังทำข้าวกล่องเสร็จก็ไม่มารับของตามกำหนดทำให้ได้รับความเสียหาย
ด้าน น.ส.นภัสวรรณ ยิ้มเจริญ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 275 หมู่ที่ 3 ต.คุ้งตะเภา อ.เมืองจ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายอัครเดช ยิ้มเจริญ อายุ 53 ปี แต่ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ก.ย.2560 หลังถูกทั้ง 2 คน ว่าจ้างให้ทำข้าวกล่องมาแล้วเช่นกัน ตอนนั้นทำ 20,000 กล่อง แต่หลังทำข้าวเสร็จผู้สั่งทั้ง 2 คน บอกว่าข้าวไม่ดีข้าวไม่ได้มาตรฐานและจะทำการปรับเป็นเงิน 350,000 บาท เท่ากับจำนวนข้าวกล่องๆละ 35 บาท ซึ่งตอนนั้นถูกปรับไปเป็นเงิน 700,000 บาท โดยมีการโอนเงินเข้าบัญชีให้ ทำให้พ่อเครียดจนเสียชีวิตจนเสียชีวิตจากเส้นเลือดอุดตัน
“ทั้งนี้นายอัครเดช ผู้เป็นบิดาได้สั่งของต่างๆทั้งอุปกรณ์วัตถุดิบจาก น.ส.ธนิตา แต่ของได้ไม่ครบและไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ แต่ก็ลงมือทำข้าวกล่องให้ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2560 หลังทำเสร็จประมาณก่อน 07.00 น.ซึ่งก็เป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ต้องแล้วเสร็จก่อน 07.00 น. เมื่อทั้ง 2 มารับข้าวอ้างว่ากับข้าวไม่ได้มาตรฐานและให้หยุดทำไปก่อน หลังจากหยุดทั้ง 2 คน ก็ยังโทรมาให้ทำอีก แต่ตอนนั้นบิดาได้ปฎิเสธไป ในเวลาต่อมาบิดาคิดมากเรื่องหนี้สินที่ต้องไปกู้หยิบยืมเขามาลงทุนแต่ไม่ได้เงินคืนท้ายที่สุดก็เสียชีวิต
อย่างไรก็ตามในวนนี้ยุติธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ รวมทั้งทหารจากค่าย มทบ.35 ได้เข้าตรวจหาข้อเท็จจริงเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายต่อไป