ตายสถานเดียว มุสลิมปากีฯไม่ยอม สาวคริสเตียนหมิ่นศาสนา

2018-11-06 15:20:03

ตายสถานเดียว มุสลิมปากีฯไม่ยอม สาวคริสเตียนหมิ่นศาสนา

Advertisement

อาเซีย บีบี สาวคริสเตียนปากีสถาน ซึ่งถูกพิพากษาลงโทษประหารชีวิตในข้อหา “หมิ่นศาสนา” ได้รับการลดหย่อนโทษเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อศาลสูงกลับคำตัดสินยกฟ้องให้เธอพ้นผิดไม่ต้องรับโทษประหารชีวิตและให้ปล่อยตัวเธอเมื่อวันพุธที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากติดคุกมานาน 8 ปี ตั้งแต่ปี 2553 ในข้อหาที่เธอใช้ถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาอิสลาม ระหว่างการโต้เถียงกับเพื่อนที่เป็นชาวมุสลิมของเธอ จากนั้นเธอถูกลงโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ

การหมิ่นศาสนาเป็นข้อหารุนแรงในปากีสถาน ซึ่งมีชาวมุสลิม เคร่งศาสนาอยู่จำนวนมาก ขณะที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์เพียง 1.6%

กระนั้นก็ตาม การตัดสินยกฟ้องของศาลสูง นำสู่ซึ่งการประท้วงรุนแรงบานปลายทั่วประเทศจากม็อบที่โกรธแค้น ซึ่งเรียกร้องให้ฆ่าบรรดาผู้พิพากษาในคดีนี้ด้วย ก่อนหน้านี้ มีนักการเมือง 2 คน ที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับการตัดสินโทษประหารชีวิตเธอ ถูกลอบสังหารมาแล้ว




ตั้งแต่ศาลสูงตัดสินยกฟ้องและให้ปล่อยตัวเธอ จนถึงขณะนี้ เธอยังต้องอยู่ในคุก ซึ่งแปรสภาพมาเป็นเซฟเฮ้าส์แทนแล้ว เนื่องจากไม่แน่ใจว่า ชีวิตเธอจะปลอดภัยเมื่อออกจากคุก

อาเซีย บีบี คุณแม่ลูก 5 คน จากจังหวัดปันจาบ ยังไม่สามารถออกจากคุกได้ เนื่องจากเกรงว่า ชีวิตของเธอจะตกอยู่ในอันตราย ขณะที่ ไซฟุล มูลุค ทนายความที่ช่วยแก้ต่างในคดีให้บีบี จนหลุดโทษประหาร กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 5 พ.ย.ว่า เขาถูกบีบให้ต้องหลบหนีออกจากประเทศ ไปยังเนเธอร์แลนด์ เพื่อความปลอดภัยของชีวิต และไม่คิดว่า ตัวบีบีเองจะอยู่ในปากีสถานได้ มูลุค บอกว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เรียกร้องให้เขาเดินทางออกนอกประเทศเมื่อวันเสาร์ที่ีผ่านมา หลังจากศาลสูงยกฟ้องบีบี



แน่นอนว่า มูลุค ซึ่งอยู่ในกรุงเฮก ของเนเธอร์แลนด์แล้ว กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาเป็นห่วงบีบี เขาไม่รู้ว่าบีบีได้รับการปล่อยตัวจากคุกหรือยัง หรือเธอต้องการขอลี้ภัยไปไหน หลังจากศาลสูงยกฟ้องคดีของเธอ ก่อนหน้านี้ อิตาลีเสนอให้ที่ลี้ภัยทั้งแก่บีบีและครอบครัวของเธอ และครอบครัวของเขาด้วย แต่พวกเขายังไม่ได้ตอบรับในทันที ขณะที่เจ้าหน้าที่ยูเอ็น กล่าวว่า พวกเขาควรจะตอบตกลง

สำหรับรายละเอียดใหม่ ซีเอ็นเอ็นได้ข่าวมาว่า กองทัพและหน่วยข่าวกรองปากีสถาน ควบคุมดูแลความปลอดภัยของเธอในเรือนจำ กล้องโทรทัศน์วงจรปิดถูกติดตั้งเป็นกรณีพิเศษที่เรือนจำในช่วงไม่กี่วันมานี้ เห็นกลุ่มคนเข้า-ออก สถานที่ ต้องถูกตรวจค้น ซึ่งรวมทั้งคนที่รับผิดชอบในการจัดหาอาหารให้เธอ

การเดินทางออกนอกประเทศของมูลุค มีขึ้น ขณะที่ อาชิค มาชีห์ สามีของบีบี ร้องขอสหราชอาณาจักร, สหรัฐ หรือแคนาดา อนุญาตให้ครอบครัวของเขาลี้ภัย ในคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยเดอะ การ์เดียน



บีบี ถูกกล่าวหาว่า ดูหมิ่นศาสนาอิสลาม และศาสดาโมฮัมเหม็ดในปี 2552 ทนายความของเธอบอกว่า เธอทะเลาะกับผู้หญิงจำนวนหนึ่ง เกี่ยวกับถังน้ำในปี 2552หญิงมุสลิมเหล่านั้นบอกว่า บีบีทำให้ถังน้ำแปดเปื้อน พวกเธอไม่อาจแตะต้องและดื่มมันได้อีก เพราะบีบีไม่ใช่ชาวมุสลิม ในเวลานั้น บีบี กล่าวว่า คดีนี้เป็นเรื่องของผู้หญิงที่ไม่ชอบเธอ “ทำการแก้แค้น” อัยการบอกว่าตอนนั้น บีบี ใช้ถ้อยคำรุนแรงกล่าวถึงศาสดา เธอจึงถูกจับ และถูกพิพากษาประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ

เธอชนะในการยื่นอุทธรณ์คัดค้านโทษประหาร แต่การยกฟ้องของศาลสูง กลับกระตุ้นให้เกิดการประท้วงรุนแรงจากกลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนา “เทห์รีค-อี-ลับบาอิค ปากีสถาน” หรือทีแอลพี และในความพยายามที่จะยุติการประท้วง รัฐบาลปากีสถาน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน ก็ไปลงนามในข้อตกลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กับทีแอลพี ซึ่งรวมทั้งคำมั่นสัญญาว่าจะไม่คัดค้านการยื่นคำร้องให้มีการทบทวนคำพิพากษาของศาลสูง ซึ่งคำร้องดังกล่าวไม่ได้มีผลผูกพันทางกฎหมาย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังตกลงไม่คัดค้านคำขอของทีแอลพี ที่ให้เพิ่มรายชื่อบีบี เข้าไปในบัญชีบุคคลห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และรัฐบาลตกลงปล่อยตัวทุกคนที่ถูกจับจากการประท้วงครั้งนี้

ทีแอลพี ให้คำมั่นก่อนหน้านี้ว่าจะออกมาชุมนุมตามท้องถนน หากบีบีได้รับการปล่อยตัวออกมา และการประท้วงครั้งใหญ่ก็ปะทุขึ้นในกรุงอิสลามาบัด และเมืองลาฮอร์ทันที หลังมีการประกาศคำพิพากษายกฟ้อง



ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายของปากีสถาน ผู้กระทำความผิดในคดีหมิ่นศาสนา เป็นโทษสูงสุดประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กฎหมายฉบับนี้ มักถูกใช้อย่างไม่เหมาะสมต่อชนกลุ่มน้อยทางศาสนาในประเทศ และนักข่าวที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันศาสนาของปากีสถาน

คดีของบีบี เรียกความโกรธแค้นอย่างแพร่หลาย และการสนับสนุนจากชาวคริสเตียนทั่วโลก แต่กลุ่มชาวมุสลิมอนุรักษ์นิยม ในปากีสถาน เรียกร้อง “โทษตาย” เท่านั้น