“บิ๊กตู่”เคลียร์วาทกรรมแง่ลบ

2018-11-02 21:00:09

“บิ๊กตู่”เคลียร์วาทกรรมแง่ลบ

Advertisement

“บิ๊กตู่” แจงวาทกรรมแง่ลบกับบ้านเมือง ทั้ง “คนจนมากขึ้นๆ หมดตัวแล้ว จริงหรือไม่-การเอื้อประโยชน์ ดูแลแต่เศรษฐกิจรายใหญ่ ร่ำรวย มีเงินทอน - ไม่มีที่ดิน ที่อยู่อาศัย เป็นของตนเอง-รัฐบาลนี้ไม่ได้ปฏิรูปอะไรเพื่อใครเลย”  ขอการเลือกตั้ง กำลังจะใกล้เข้ามาแล้ว อย่าให้มันวุ่นวาย สับสน ติเรือทั้งโกลน

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า จริงๆ แล้วไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่เห็นว่ากำลังเป็นวาทกรรมในแง่ลบ กับบ้านเมืองของเรา อาทิเช่น บางคนก็ใช้คำพูดว่า คนจนมากขึ้นๆ หมดตัวแล้ว จริงหรือไม่ ความจริงคืออะไร ก็ช่วยกันหาคำตอบ ตั้งคำถามกับตนเองด้วย ถ้าเราไม่มีเงิน หรือเงินไม่พอใช้ ไม่พอเที่ยว ไม่พอใช้จ่ายซื้อของแพง เราจะต้องพิจารณาแล้วว่าเราจะทำอย่างไร เพราะความต้องการของมนุษย์ ของคนนี่ขีดจำกัดยาก เพราะฉะนั้นเราต้องพิจารณา ว่าเราประกอบอาชีพอะไรอยู่ เราได้มีการปรับเปลี่ยนอะไรไปบ้างหรือยัง จากอดีตที่เคยทำมา แล้วได้เงิน วันนี้ก็มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งเศรษฐกิจระดับบน ระดับกลาง ระดับล่าง เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันทั้งหมด ทั้งในประเทศ นอกประเทศด้วย บางคนเดิมอาจจะเคยหาเงินจากธุรกิจหรือธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ต้องดู มันเคยทำได้

นายกฯต่อว่า อีกเรื่องคือการใช้จ่ายในระดับล่าง บางคนก็เคยได้รับเงินมาง่ายๆ ไปง่ายๆเหมือนกัน ไม่คิดตรึกตรอง ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาพิจารณา ความมีเหตุมีผล ความพอประมาณในการใช้จ่าย วันนี้โลกมันเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ท่านต้องใช้ในเรื่องของออนไลน์ เรื่องดิจิตอล ให้เป็นประโยชน์ เรื่องการใช้บัตรเครดิต บางคนก็มีหลายใบ ก็รู้ว่าจำเป็นนะ แต่ท่านลองดูซิว่าการใช้ไปแล้วน่ะมันง่าย พอจะหาเงินชำระมันหาไม่ได้ พอหาไม่ได้ก็กดดันตัวเอง แล้วก็โทษคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆ บางทีมันก็ไม่ใช่นะ




นายกฯ กล่าวอีกว่า วาทกรรมที่ 2 คือเรื่องของ การเอื้อประโยชน์ ดูแลแต่เศรษฐกิจรายใหญ่ ร่ำรวย มีเงินทอน เรียนว่า มันมีหลายกลไก มีการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเรื่องของการจัดทำโครงการ การทำสัญญา การจัดทำทีโออาร์ การประกาศเข้ามาประมูลอะไรต่างๆ มันมีกฎหมายทุกตัว มีหน่วยงานตรวจสอบมากมาย เพราะฉะนั้นถ้าเราพูดกันไปโดยไม่รู้จริง มันก็ทำให้เกิดความเสียหาย ไอ้ที่มันดีแล้วมันก็เลยไม่ดีไปด้วย ไอ้ที่ไม่ดีมันอาจจะมีอยู่บ้างนะครับ ทุกจริตก็ต้องดำเนินการต่อไป วันนี้เราก็ลงโทษไปเยอะพอสมควร เราต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า เศรษฐกิจของประเทศนั้นมันมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีระดับล่าง ระดับกลาง -ระดับบน มันโยงกันทั้งหมด ถ้าเศรษฐกิจต่างประเทศไม่ดีมาตรการในเรื่องของการกีดกันทางการค้ามันก็เกิดขึ้น ก็จะมีผลกับตลาดภายนอกประเทศ มีผลต่อการลงทุน มีผลต่อความเชื่อมั่น ซึ่งในการลงทุนต่างๆ ของเรานั้น ทั้งรูปแบบ เอกชน บริษัท นิติบุคคล ห้างร้านต่างๆ ก็มีคนไทยทั้งสิ้นอยู่ในห่วงโซ่ดังกล่านั้น มันมีผลกระทบทั้งสิ้น รายได้ รายรับ ต่างๆ มันก็เปลี่ยนแปลงไป มากขึ้นบ้าง น้อยลงบ้าง มันก็เป็นไปตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกไปด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วาทกรรมที่ 3 ไม่มีที่ดิน ที่อยู่อาศัย เป็นของตนเอง เพราะฉะนั้นต้องไปดูซิว่า บางคนเคยมีที่ดิน แต่ถูกสัญญาเอารัดเอาเปรียบ รัฐก็เร่งออกกฎหมายขายฝาก เพื่อขจัดจุดอ่อน ช่องว่างกฎหมายในอดีต รวมทั้ง ลดเงื่อนไข หนี้นอกระบบ ที่เป็นสาเหตุให้พี่น้องเกษตรกรต้องสูญเสียที่ดินทำกิน ต้องมาเช่าที่ดินเก่าของตนทำกิน บางคนก็ไม่เคยมีที่ดินเป็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นที่ดินทำกิน หรืออยู่อาศัย รัฐบาลนี้ ก็สร้างกลไกการทำงาน



“วาทะกรรมสุดท้าย ก็อาจจะมีคนพูดว่า รัฐบาลนี้ ไม่ได้ปฏิรูปอะไรเพื่อใครเลย ผมก็ไม่อยากจะโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์มากนัก ทุกคนน่าจะพอทราบอยู่แล้วบ้าง ก็ต้องไปดูว่าใครได้อะไร ใครยังไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้จะต้องแก้ไขอะไร ปรับปรุงตัวเองอย่างไร รัฐบาลพยายามดูอย่างเต็มที่นะครับ ในหลายๆมิติด้วยกัน”นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า อยากจะขอความร่วมมือ จะเห็นได้ว่า การเมือง การเลือกตั้ง ก็กำลังจะใกล้เข้ามาแล้ว อย่าให้มันวุ่นวาย สับสน อีกเลย ประชาชนอาจจะมีภูมิคุ้มกัน ที่ไม่มากพอ หลายคนอาจจะพูดเพื่อไปสู่การเลือกตั้ง ให้ได้รับเลือกอะไรต่างๆเหล่านี้ มีการติติง ว่ากันไปมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประชาชนบางคนก็ชอบดู ชอบฟัง แล้วก็พูดต่อ โพสต์ต่อ บางทีก็ไม่ได้รู้ว่าถูกหรือไม่ถูก บางทีก็สนุกดี แต่ท้ายที่สุดแล้ว ประเทศจะเป็นผู้ที่ได้หรือเสีย ประชาชนก็จะตามมา you get what you do เพราะฉะนั้นที่สุดนี้เราก็ต้องเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งอยู่แล้ว ก็ต้องหาคนที่ทำงานจริง ทำงานเป็น ทำงานได้ ไม่ใช่เพียงแต่ว่าได้ทำ แล้วทำไม่ได้ ทำไม่สำเร็จ

นายกฯ กล่าวด้วยว่า แผนแม่บท ยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูป หรือแม้กระทั่งรัฐธรรมนูญที่ออกมาแล้ว ก็ยังมีอคติ มันออกมาแล้ว ก็ดำเนินการใช้ให้เกิดประโยชน์ไปก่อน วันหน้าค่อยว่ากัน ถ้าเรายังไม่ปฏิบัติ ก็เหมือนติเรือทั้งโกลน ติโขนยังไม่ได้ทรงเครื่อง เราจะคาดหวังกับคนเหล่านี้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องทำลายของเก่าเพื่อจะสร้างสิ้งใหม่ๆ ให้เข้ามาแก้ไขดีกว่า ไม่ใช่ไปล้มในสิ่งที่ยังไม่เคยใช้ คือสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ หลายคน ก็เคยอยู่ในระบบการบริหารราชการแผ่นดินมาแล้วนะครับ วันนี้ออกมาพูด ตำหนิ ติติง สื่อก็นำมาขยายความให้ โซเชียลมีเดียขยายให้ ก็ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด สับสนอลหม่านไปหมดในสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดก็เสียหายไป ก็กลับไปสู่ที่เดิม เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ เสียเวลาวันข้างหน้าไปอีกกี่รัฐบาลล่ะ เพราะฉะนั้นการเป็นประชาธิปไตยนั้น เราไม่จำเป็นต้องให้ร้าย หรือสร้างความเกลียดชัง นื่คือการปฏิรูปทางการเมืองอันดับหนึ่งเลย กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมต้องได้รับการยอมรับ เมื่อผู้ตัดสินถูกผิด ตามหลักฐานแล้ว ก็ต้องไม่มีใครก้าวล่วง หากผู้ทำความผิด ไม่ไปให้ผลประโยชน์ แลกเปลี่ยนกับคนที่ไม่ดี ก็อาจจะมีอยู่บ้าง น่าอับอายแทนคนเหล่านั้น ทุกคนรู้ตัวดี ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร ศาล อัยการ ขอร้องอย่าให้มีอีกต่อไป