"โดม จารุวัฒน์" เผยชีวิตไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้

2018-10-24 12:30:30

"โดม จารุวัฒน์" เผยชีวิตไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้

Advertisement

เป็นนักร้องหนุ่มที่มีความสามารถก้าวเข้ามาในวงการจากเวทีประกวด สำหรับ “โดม จารุวัฒน์” ที่ต้องยอมรับเลยว่าเสียงของเจ้าตัวทรงพลังมากๆ จนทำให้หนุ่มโดมคว้าแชมป์ เดอะสตาร์ 8 มาครองได้สำเร็จ แต่เส้นทางกว่าจะมาถึงดวงดาวของหนุ่มโดมมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เจ้าตัวต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย ทั้งพ่อป่วยหนัก อ้วนดำ หน้าตาไม่ดีจนคิดอยากออกจากวงการ รวมไปถึงคบผู้หญิงบังหน้า เพราะแท้จริงแล้วหนุ่มโดมเป็นเกย์ ล่าสุด หนุ่มโดม ได้มาเปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมด ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ว่า



ชีวิตตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?



โดม : ก็ดีครับ ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ได้ทำงานเยอะแยะมาก แล้วก็เป็นปีที่เราได้ทำงานที่เราใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต นั่นก็คือการเล่นละครเวที ก็เรียกว่าได้รับโอกาสที่ดีครับ คือเราคิดว่าละครเวทีเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจดี แล้วเราก็อยากทำมันมาตลอด หลังจากที่เข้าวงการบันเทิงมาสักพักหนึ่งปีนี้แหละเป็นปีแรกที่ได้เล่นละครเวทีครับ





เห็นว่าสิ่งหนึ่งที่อยากทำคือการพาคุณพ่อคุณแม่มาอยู่กับด้วยที่กรุงเทพฯ ตอนนี้สำเร็จแล้วหรือยัง ?
โดม : จริงๆ ก็มีซื้อบ้านเอาไว้ครับ แต่ด้วยแบบบางทีเราทำงาน ถ้าเกิดว่าขึ้นมาอยู่ปั๊บแล้วอาจจะไม่ได้มีคนดูแลเขาขนาดนั้น กลัวเขาเหงา พอมาอยู่ที่นี่เขาก็ไม่รู้จะทำอะไร คืออยู่บ้านที่ภูเก็ต อย่างน้อยเขาก็จะมีคนแถวบ้านหรือญาติๆ มาหาอะไรแบบนี้ ก็ยังรู้สึกว่าไม่เหงา แต่ว่าถ้าคิดถึงหรืออยากจะดูคอนเสิร์ต หรือละครเวทีของเรา ก็จะมีการขึ้นมาหาผมครับ เป็นกรณีไป หรือผมก็จะไปหาที่บ้านบ้าง ก็ผลัดๆ กันครับ



ทราบมาว่าคุณพ่อป่วย ตอนนี้อาการท่านเป็นยังไงบ้าง ?
โดม : อาการตอนนี้ก็ดีขึ้นครับ คือดีขึ้นจากช่วงแรกๆ เลย แล้วก็ผมว่าสิ่งที่มันเห็นและพัฒนาได้อย่างชัดเจน ก็คือ อารมณ์ สุขภาพจิต จากเดิมที่เขารู้สึกแย่เพราะว่า จากคนที่เคยสามารถทำอะไรได้เอง เดินเหินได้ปกติ อยากจะไปไหนก็ได้ไปอะไรแบบนี้ แต่ว่าพอเป็นอัมพฤกษ์ปั๊บ เขาจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างตามใจแล้ว ก็จะมีความหงุดหงิด ฉุนเฉียว แต่ว่าพอมันผ่านระยะเวลามาช่วงนึง เขาก็จะเริ่มเข้าใจ หรือปล่อยวางได้บ้างแล้ว





ย้อนเหตุการณ์ตอนนั้นที่เส้นเลือดในสมองแตกหน่อยเกิดอะไรขึ้น ผ่านมากี่ปีแล้ว ?
โดม : ผ่านมา 8-9 ปีแล้วครับ คือวันนั้นจริงๆ ผมไม่ได้อยู่บ้านไปทำงานครับ คือต้องบอกว่าคุณพ่อเป็นคนดูแลสุขภาพนะ ออกกำลังกาย ตื่นเช้ามาจะวิ่งทุกวัน แต่ว่าช่วงนั้นอาจจะทำงานหนัก ไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควร อยู่ๆ ก่อนจะนอนเขาก็ปวดหัวขึ้นมา แล้วก็ปวดตา แล้วก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลม แม่เห็นท่าไม่ดีก็เลยเรียกรถพยาบาลมา คือผมจะตามไปจากทำงานเสร็จ พอไปถึงโรงพยาบาลผมก็เห็นเขานอนอยู่ แล้วคุณหมอก็เดินออกมาบอกว่า “คนไข้จะอยู่ได้อีกแค่ 2 วันเท่านั้น” ตอนนั้นผมก็ช็อกและอึ้งไปเลย ไม่รู้จะทำอะไรต่อดีเพราะว่าเราเคยชินกับการที่อยู่เป็นครอบครัว แม่ก็ร้องไห้ตั้งตัวไม่ทัน มันก็เป็นช่วงเวลา 2 วันที่ทรมาน หมอบอกว่าเส้นเลือดในสมอง ที่อยู่แกนกลางสมองมันระเบิดออกมา เกิดเลือดคั่งทับสมองส่วนที่ควบคุมการหายใจ คุณหมอก็ใช้เครื่องช่วยหายใจยื้อไปเรื่อยๆ  จังหวะนั้นคือนั่งข้างเตียงลุ้นมาก แต่พอผ่าน 2 วันนั้นมาได้เราก็ค่อยๆ ตั้งสติตัวเอง ก็เห็นว่าเขายังอยู่กับเรา ยังไม่ไป ก็ผ่านมาเรื่อยๆ เขาสลบไปประมาณ 24 วันครับ แล้วก็ฟื้นขึ้นมา ก็ถือเป็นปาฏิหาริย์ครับ





หลังจากคุณพ่อป่วย ชีวิตเราตอนนั้นเป็นยังไง ?
โดม : เราก็เริ่มเห็นแล้วว่าพอคุณพ่อป่วยปั๊บ คนที่จะต้องขึ้นมาเป็นเสาหลักมันก็ต้องเป็นเรา เพราะเราเป็นพี่ชายคนโต คุณแม่เขาก็อาจจะทำงานค้าขาย แต่ก็มันก็คงไม่ได้ช่วยเหลือในการเลี้ยงดูได้มากๆ แน่ เพราะฉะนั้นเราเองก็ต้องเริ่มรู้สึกแล้วว่าเราจะต้องเป็นเสาหลัก เราก็เลยต้องหาเส้นทางที่มันมั่นคงสำหรับชีวิตเรา ก็เลยเลือกเรียนนิติศาสตร์ จากตอนแรกที่เคยมีความฝันว่าอยากจะเรียนนิเทศศาสตร์เพื่อเป็นผู้กำกับ ก็เลยต้องเปลี่ยนตัวเอง เพราะว่าอันนี้เป็นสิ่งที่คุณพ่ออยากให้เรียน เขาก็คงเห็นว่าเราน่าจะไปทางนี้ได้ เราเองก็มีความชอบในด้านนี้อยู่ และเราก็คิดว่ามันต้องมั่นคงแน่ๆ ก็เลยเลือกเรียนนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์



แล้วเข้ามาประกวดรายการเดอะสตาร์ได้ยังไง ?
โดม : สมัครเพราะว่า ตอนนั้นเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมปี 54 แล้วมหาวิทยาลัยก็ปิด ไม่สามารถทำการเรียนการสอนได้ ผมก็เลยต้องกลับไปอยู่ที่ภูเก็ต แล้วก็เป็นช่วงที่เราว่าง แล้วก็เห็นว่ามีเดอะสตาร์มารับสมัครที่ภูเก็ต ซึ่งปีก่อนๆ หน้านั้นเราก็เคยไปสมัครมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้เข้ารอบ ก็หาประสบการณ์ให้ตัวเอง แล้วพอช่วงเวลามันพอดี ครั้งนี้ผ่านเข้ารอบครับ ก็ผ่านเข้ามาเรื่อยๆ จนมันไปไกลกว่าที่เราคิดไว้มากๆ กลายเป็น 8 คนสุดท้าย แล้วก็คว้าแชมป์มาเป็น The Star 8 ครับ





หลังได้แชมป์ก็มีดราม่าเรื่องหน้าตา เล่าให้ฟังหน่อย ?
โดม : คือตอนที่อยู่ในบ้านจะไม่ได้รับรู้อะไรเพราะเขาไม่ให้ใช้มือถือ ไม่ให้รับกระแสใดๆ เลย แต่พอออกจากบ้านเราก็เปิดดูว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง คอมเมนต์ต่างๆ ในยูทูบอะไรแบบนี้ ก็เห็นว่ามันหนักกว่าที่เราคิดเอาไว้ สมัยก่อนเราอึ้งมาก รู้สึกแบบจุก มันขนาดนี้เลยเหรออะไรแบบนี้ เราอาจจะไม่ได้ทำให้เขามีความสุขขนาดนั้น ก็ขอโทษ เราทำอะไรไม่ได้เลย เพราะหน้าที่ของเราหมดแล้ว หน้าที่ของเราคือ ทำงานให้ดีที่สุด แล้วผู้เสพจะรู้สึกยังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เราไม่มีสิทธิ์ไปบังคับใครได้



เคยท้อถึงขนาดคิดอยากจะออกจากวงการไหม ?
โดม : ไม่มี มันรู้สึกว่าสุดท้ายแล้ว ผมยังมั่นใจว่าวงการนี้ยังมีที่ให้กับคนที่มีความสามารถ มีที่ให้กับคนที่มั่นใจ มีที่ให้กับทุกๆ คนเสมอ ผมมั่นใจอย่างนั้น แล้วก็ เราก็พร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คน ที่อาจจะไม่มั่นใจในตัวเอง เป็นกำลังใจให้เขาลุกขึ้นมาสู้ ถ้าเราทำได้ผมมั่นใจว่าคุณก็ต้องทำได้เหมือนกัน



สิ่งที่ทำให้เราผ่านคอมเมนต์ต่างๆ มาได้ คืออะไร ?
โดม : ครอบครัวครับ แฟนคลับ คือแฟนคลับเราจะเป็นพวกเรียบร้อย อ่านแล้วก็มาฟ้องเบาๆ อะไรแบบนี้ แล้วเขาก็จะไม่ได้เข้าไปถล่มหรืออะไร สิ่งเหล่านี้แหละครับ ด้วยครอบครัวและแฟนคลับ คือกำลังใจที่ทำให้เรารู้สึกว่า อยากจะทำงานต่อไป



อยากจะบอกอะไรกับคนที่ชอบตัดสินคนอื่นที่รูปร่างหน้าตามากกว่าความสามารถบ้าง ?
โดม : จริงๆ มันก็เป็นสิทธิ์ของทุกคนอยู่แล้ว ในเรื่องของรสนิยม ชอบหรือไม่ชอบ งานศิลปะมันไม่มีถูกผิด มันจะมีแค่คำว่าชอบหรือไม่ชอบ ผมถือว่าเรามีหน้าที่ทำงานศิลปะชิ้นหนึ่งให้กับคุณผู้ชม ถ้าเกิดคุณผู้ชมชอบหรือไม่ชอบอันนี้ก็จะเป็นความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละคน หน้าที่ของเรามันหมดแล้วครับ มันหมดตั้งแต่เป็นผู้ส่งสาร ส่งความรู้สึกดีๆ ส่งงานดีๆ ให้กับทุกคน เราเต็มที่กับงานแค่นี้พอแล้ว