“บิ๊กโจ๊ก” แถลงจับกุมกลุ่มสวิงกิ้ง ย่านวังทองหลาง กทม. พร้อมขยายผลไปยังอีกหลายกลุ่ม หลังพบยังมีอีกหลายกลุ่มในโซเชียลมีเดีย แจ้งข้อหา “เจ๊ต่าย” เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง เมื่อผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม” ส่วนเจ้าของโรงแรมโดนข้อหา “ประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่รับอนุญาต”
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้นำกำลังเข้าจับกุม ชาย 8 คน หญิง 11 คน ร่วมกันจัดปาร์ตี้เซ็กซ์หมู่ หรือ “สวิงกิ้ง” โดยมีการนัดหมายผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งมี น.ส.ภัสสรัณญ์ ถึกป่าย หรือ เจ๊ต่าย อายุ 39 ปี เป็นนายหน้าจัดหาให้ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กทม. เมื่อคืนวันที่ 20 ต.ค. ต่อเนื่องวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยขณะตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบยาปลุกเซ็กซ์ ถุงยางอนามัยทั้งที่ใช้แล้วและไม่ได้ใช้ ตกอยู่เกลื่อนห้อง โดยผู้ที่มาร่วมสวิงกิ้งต้องจ่ายค่าหัวคนละ 1,800 บาท
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. แถลงข่าวกรณีที่มีพลเมืองดีแจ้งมาที่เฟซบุ๊ก “สุรเชษฐ หักพาล” ว่ามีบุคคลผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นบีทอล์ค (Beetalk) ชื่อ “Taiza” ได้โพสต์ ข้อความจัดหาคนและสถานที่สำหรับการสวิงกิ้ง โดยมีการเก็บเงินสำหรับผู้ที่สนใจเจ้าร่วมกิจกรรมเป็นเงินจำนวน 1,800 บาท ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการได้ทำการสืบสวนด้วยวิธีการส่งสายลับเข้าแฝงตัวในกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรม จนทราบว่าผู้ใช้แอพพลิเคชั่น ดังกล่าวคือ น.ส.ภัสสรัณญ์ ถึกป่าย หรือ ต่าย จะมีการจัดกิจกรรมสวิงกิ้ง ในวันที่20 ต.ค. 2561 ตั้งแต่เวลา 12.00น. ถึงวันที่ 21 ต.ค.เวลา 03.00น. ที่ห้องโคลงเคลงช้าง โรงแรมโยทะกาบูทีค ย่านวังทองหลาง กทม. เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนจับกุม โดยการส่งสายลับเข้าร่วมกิจกรรมสวิงกิ้งตามวันและเวลาดังกล่าว และเมื่อสายลับส่งสัญญาณว่าได้มีการร่วมประเวณีกัน จึงได้เข้าตรวจค้นจับกุม
เบื้องต้นได้จับกุมตัวผู้ต้องหา 2 คน น.ส.ภัสสรัณญ์ ถึกป่าย อายุ 39 ปี ในข้อหา “เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง เมื่อผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม” และนายมานะ เกณงูเหลือม อายุ 28 ปี ในข้อหา “ประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่รับอนุญาต” พร้อมทั้งตรวจปัสสาวะและสารเสพติดผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวิงกิ้งจำนวน19 คน แบ่งเป็น ชาย8 คน หญิง 11 คน ซึ่งทั้งหมดไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด จึงได้ลงบันทึกประจำวันและปล่อยตัวไป ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการขยายผล ยังพบว่ามีกลุ่มที่ได้กระทำในลักษณะดังกล่าวอยู่อีกหลายกลุ่ม มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพิ่มเติม หากพบว่ามีการจัดกิจกรรมขึ้นอีก ก็จะต้องถูกจับกุมมาดำเนินคดี