บุกป่าตามหา "หัวหมีขอ" จ่อฟันอีก 5 ข้อหาแก๊งออฟโรด

2018-10-14 12:50:30

บุกป่าตามหา "หัวหมีขอ" จ่อฟันอีก 5 ข้อหาแก๊งออฟโรด

Advertisement

อ่วมแน่..จนท.ลุยป่าเขาพลู หาหัวหมีขอ ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาแก๊งออฟโรดยิงหมีขอ เพิ่มอีก 5 ข้อหา ทั้งอุทยานฯ จ่อฟ้องแพ่งราคาหมีขอ และระบบนิเวศเสียหาย เหมือนคดีเสือดำ

กรณีปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ยพร้อมพวกกลุ่มออฟโรด 12 คน ลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรีและถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯไทรโยคเข้าจับกุม พบทั้งซากหมีขอสัตว์ป่าคุ้มครองหายาก และอาวุธปืนทั้งไรเฟิลและปืนพกสั้น 5 กระบอก ต่อมาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยประกันตัวเป็นเงินสดคนละ 2 แสนบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นายตาต้า ชาวพม่า คนดูแลสำนักสงฆ์เต่าดำ ซึ่งรับว่าเป็นคนยิงหมีขอ ต่อมาเจ้าหน้าที่นำตัว นายตาต้า นายอนุสรณ์ หรือออย เรือนงาม อส.ด่านมะขามเตี้ย และ นายสกานต์ แก่งหลวง อส.ด่านมะขามเตี้ย 3 ผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และนำตัวนายตาตาส่งศาล จ.กาญจนบุรีฝากขังครั้งที่ 1 ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.00น.วันที่ 13 ต.ค. ที่บริเวณหน้าสภ.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล รอง ผบช.ภาค 7 หัวหน้าทีมชุดสืบสวนสอบสวน พตอ.สมศักดิ์ สุวรรณฉิม ผกก.(สอบสวน)ภ.จว.กาญจนบุรี พตท.สนธยา ฉายเกียรติขจร สว.สส.สภ.ไทรโยค พตต.ศรายุทธ ศรีมัญจาบุรี สว.กก.5 บก.ปทส. รตอ.อภิชัย พุ่มชัย รอง สว.(สอบสวน) สภ.ไทรโยค ร้อยเวรเจ้าของคดี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 7 ภ.จว.กาญจนบุรี




พร้อมด้วย นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หน.อุทยานฯไทรโยค/รักษาการ หน.ชุดฉก.พญาเสือ นส.เนตรนภา งามเนตร ผช.หน.อุทยานฯ ผช.หน.ชุดฉก.พญาเสือ ทหารฉก.ลาดหญ้า ตชด.136 จนท.ปกครอง กว่า 40 นาย ซักซ้อมความเข้าใจในภารกิจ ก่อนจะออกเดินทางโดยรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ไปยังป่าเขาพลูบริเวณสำนักสงฆ์เต่าดำ ม.8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค

สำหรับการเดินทางไปยังสำนักสงฆ์เต่าดำนี้ เส้นทางเป็นไปด้วยความยากลำบากมาก ขึ้นเขาลงห้วยเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง โดยใช้เวลาในการเดินทาง แค่จากสวนป่าออป.2 บ้านทุ่งมะเซอย่อ ม.8 ต.วังกระแจะไปถึงที่เกิดเหตุระยะทางราว 30กม.ใช้เวลาเดินทางนานถึง 5 ชั่วโมง ไปกลับ 10 ชั่วโมง และเดินทางออกจาก ออป.ถึงสภ.ไทรโยคอีก 1 ชั่วโมง รวมแล้วไปกลับ 12 ชั่วโมง



สำหรับภารกิจของคณะเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ จะเข้าตรวจสอบค้นหาพยานหลักฐาน เพิ่มเติมให้ได้มากที่สุด ทั้งบริเวณจุดแรกที่ นายตาต้า ผู้ต้องหาได้พาไปชี้ว่า เป็นจุดยิงหมีขอบนต้นไทร ด้วยอาวุธปืนลูกกรดขนาด.22 ซึ่งบริเวณดังกล่าว อยู่ห่างสำนักสงฆ์เต่าดำ ราว300 เมตร โดยจะเข้าตรวจหาคราบรอยเลือดของหมีขอ และหลักฐานอื่นๆ และห่างจากจุดที่ยิงหมีขอ 30 เมตร บริเวณที่ผู้ต้องหาบอกว่ายิง “อีเห็น” ผิด จะตรวจหาปลอกกระสุนปืน และพยานหลักฐานอื่นๆ

รวมทั้งบริเวณที่กลุ่มออฟโรด ตั้งแคมป์พักริมลำธาร มีการนำซากหมีเผาขนและชำแหละเนื้อ และโยนหัวหมีขอทิ้งลงในลำธาร เจ้าหน้าที่ก็จะค้นหากะโหลกในลำธารรวมทั้งพยานหลักฐานอื่นๆ เพื่อให้ได้พยานหลักฐานมากที่สุด

นายพนัชกร โพธิบันฑิต หน.อุทยานฯไทรโยค รรท.หน.ฉก.พญาเสือ เปิดเผยว่าวันนี้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ให้ได้มากที่สุดอีกครั้ง ในเรื่องซากหมี ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ จากสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์กรมอุทยานฯ ซึ่งใช้เวลาราว 1เดือน ก็จะทราบผล ส่วนในเรื่องการฟ้องร้องทางแพ่งนั้น ทางกรมอุทยานฯ เตรียมประเมินค่าเสียหาย ของสัตว์ป่าที่ถูกผู้ต้องหา ยิงตาย รวมทั้งความเสียหายต่อระบบนิเวศ ของอุทยานฯ เพื่อเตรียมดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เช่นเดียวกับคดียิงเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวรฯ ส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มอีกหรือไม่ ก็ต้องดู พยานหลักฐานในการกระทำผิด ว่าเข้าข่ายใดหรือไม่อย่างไร



ด้าน พ.ต.อ.สำราญ กลั่นมา ผกก.ตม.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ทุกด้านแนวชายแดนไทย-เมียนมา และจุดตรวจต่างๆ ทั้งจุดตรวจร่วมไทรโยค อ.ไทรโยค จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน อ.เมือง จุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านพระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี ตรวจสอบผู้คนที่เดินทางผ่านไปมาเข้า-ออกอย่างละเอียดโดยนำภาพถ่าย นายเจนระ สัญชาติพม่า อายุ 29 ปี พร้อมภรรยา น.ส.คินหน่อยโซ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันชำแหละซากหมีขอ ซึ่งอยู่ในระหว่างหลบหนี ส่งไปตามจุดตรวจต่างๆ เพื่อตรวจสอบ เชื่อว่าหากนายจิระและเมียผ่านตามเส้นทางพบเจ้าหน้าที่ ถูกจับกุมตัวแน่นอน

ทางด้านเจ้าหน้าที่ในทีมสอบสวนคดีนี้ท่านหนึ่งเปิดเผยว่า ขณะนี้ หลังจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ที่ยึดได้จากตัวผู้ต้องหา และที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ทราบว่ามีผลตรงกัน ทั้ง 5 กระบอก คือ ปืนพกออโตเมติก ขนาด.45 ปืนพกขนาด .38 ปืนลูกกรดยาว .22 ปืนกร๊อกขนาด 9 มม.ของนาย อนุสรณ์ เรือนงาม และอาวุธปืนซิกซาวเออร์ ขนาด 9 มม.ของนายวัชรชัย สมีรักษ์ หรือปลัดแมน อดีตปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ย พบปลอกกระสุน ตรงกับอาวุธปืนทั้งหมด 20 ปลอก

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เผยต่อว่าหลังทราบผลการตรวจสอบ อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน แน่ชัดแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี กับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 5 ข้อหา ประกอบด้วย 1.พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ 2. มีอาวุธและเครื่องกระสุน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย (ปืนยาวขนาด .22 ติดลำกล้อง และเครื่องเก็บเสียง) 3.มียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต จากปลัดกระทรวงกลาโหม (อุปกรณ์เก็บเสียง) 4.มีเครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย (กระสุนปืนเอ็ม.16 จำนวน 20 นัด) 5. ยิงปืนในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน โดยไม่มีเหตุสมควร (โทษจำคุก 10 วัน ปรับ 5,000 บาท)

อย่างไรก็ตามทีมชุดสอบสวนทำคดีนี้เชื่อว่า พยานหลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้ ก็สามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้ทั้งหมดทุกคน เนื่องจากมีวัตถุพยานหลักฐานชัดเจน และจะสรุปสำนวน ส่งให้พนักงานอัยการสั่งฟ้องได้ ภายในผัดฟ้องที่ 4 คือวันที่ 25 พ.ย. นี้ และขณะนี้ยังไม่พบผู้กระทำความผิดเพิ่ม แต่หากการสืบสวนพบว่า มีบุคคลใด ไปมีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นอีก ก็จะต้องดำเนินคดีแน่นอน