ตำรวจสอบเครียดทั้งคืน “พันศักดิ์” ผู้ต้องหาฆ่าเสี่ยปั๊มน้ำมัน เจ้าตัวยังปากแข็งไม่ได้ลั่นไก โยน 2 มือปืนเมียนมาลงมือสังหาร
จากกรณีตำรวจกกองปราบจับกุมตัวนายพันศักดิ์ มงคลศิลป์ อายุ 63 ปี หรือ อดีตสารวัตรพันศักดิ์ ผู้ต้องหาฆ่า นายประชา วรทัด เจ้าของปั๊มน้ำมันเสียชีวิตและยิงภรรยาได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยจับกุมตัวได้ที่ จ.ระยอง ตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.50 น. วันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) อาวุธครบมือกว่า 10 นายควบคุมตัวนายพันศักดิ์ และ นางธนพร สุขโขจัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ออกมาจาก บก.ป. เมื่อเวลา21.00 น.ภายหลังจาก ชุดสืบสวน กก.2 บก.ป. ได้สืบสวนติดตามจับตัวได้เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา แล้วรุดนำตัวเข้า กทม. โดยให้ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป. สอบเข้ม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จากนั้นได้ทำบันทึกจับกุม และนำตัวส่ง สภ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว โดยมีกำลัง ชุดสืบสวน ภ.จว.สระแก้ว และชุดสืบ สภ.เมือง ร่วมรับตัว จากนั้นรุดนำตัวเข้าห้องสืบสวน ชั้น2 ทันที เพื่อสอบสวนเข้ม และเมื่อสอบเสร็จจะนำตัวฝากขังไว้ที่ห้องขัง สภ.เมืองสระแก้ว
ชุดสืบสวน กก.2 บก.ป. เผยว่า ได้ลงติดตามแกะรอยพันศักดิ์มาตลอด จนสืบทราบว่าผู้ต้องหายังวนเวียนอยู่ในพื้นที่ จ.สระแก้ว เมื่อคืนวันที่ 11 ต.ค. และเช้าวันที่ 12 ต.ค. ชุดติดตามได้ทราบว่านายพันศักดิ์ พร้อมภรรยา ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน หลบหนีไป ที่ จ.ระยอง ใน รีสอร์ทแห่งหนึ่ง เพื่อหลบซ่อนกบดาน จากนั้นขณะที่กบดานอยู่ในห้องพักและนายพันศักดิ์ ได้สั่งอาหารไปตุนในห้องจึงทราบและนำกำลังเข้าปิดบล้อมจับกุม โดยนายพันศักดิ์ มีท่าทีจะขัดขืนต่อสู้แต่เห็นกำลังเจ้าหน้าที่มาก จึงยอมให้จับตัวในที่สุด พร้อมกับอาวุธปืนขนาด .380 ภายในห้องพัก
ต่อมาเวลาตี 3 วันที่ 13 ต.ค. พล.ต.ต.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบช.ภ.2 และ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองสระแก้ว เพื่อสอบสวนนายพันศักดิ์อีกครั้ง แต่นายพันศักดิ์และภรรยายังให้การว่าไม่ได้เป็นผู้ลั่นไก สังหารเสี่ยเจ้าของปั๊มน้ำมัน ผู้ที่ลั่นไกเป็นมือปืนชาวกัมพูชา 2 คน นายพันศักดิ์และภรรยาถูกสอบสวนตลอดคืนอย่างเคร่งเครียดโดยนายพันศักดิ์มีอาการอิดโรยใบหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับได้แยกตัวนางธนพร ผู้ต้องหาขึ้นรถตู้ตำรวจนำตัวไปแยกขังคนละ โรงพักเพื่อรอการสอบสวนอีกแห่ง