โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ชี้กรณีรุ่นพี่ ม.2 รุมทำร้ายเด็ก ป.4 ใน จ.พะเยา โรงเรียน และ ครอบครัวควรชี้แนะไม่ให้เกิดพฤติกรรมทำร้ายซ้ำอีก ระบุเด็กที่ถูกรังแกมักมีอาจมีปมด้อยฝังอยู่ในใจ ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้ามาดูแลให้เร็วที่สุด นอกเหนือจากมองว่าใครผิดแล้วตำหนิลงโทษใคร ไม่ควรปล่อยให้เด็กรังแกกันกลายเป็นประเด็นที่ถูกสังคมรุมรังแก
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ จิตแพทย์ รองอธิบดีกรมอนามัย ในฐานะโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกับนิว 18 ถึงการฟื้นฟูสภาพจิตใจ กรณีรุ่นพี่ ม.2 รุมทำร้ายเด็ก ป.4 ในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.พะเยา ว่า หลังจากนี้หน่วยงานหรือทางครองครัว ควรเข้าไปดูแลสภาพจิตใจของทั้งสองฝ่าย โดยโรงเรียน ผู้ปกครอง ควรชี้แนะพฤติกรรมของเด็ก ม.2 ในเรื่องการแสดงออกที่ถูกต้อง พร้อมรับฟัง และปรับความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตในการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น เพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมทำร้ายซ้ำขึ้นอีก
พญ.อัมพร กล่าวต่อว่า ในส่วนของเด็ก ป.4 ที่ถูกรังแก สิ่งแรกที่ผู้ปกครองควรทำ คือ ทำอย่างไรให้เขารู้สึกปลอดภัย และสามารถปกป้องตนเอง รับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยอมรับว่าเด็กกลุ่มนี้ มีจุดเปราะบาง เพราะงานวิจัยสะท้อนว่า เด็กที่ถูกรังแกง่ายมักมีจุดอ่อน คือ ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง มีปมด้อยฝังอยู่ในใจ ซึ่งทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้ามาดูแลให้เร็วที่สุด ว่าควรมีส่วนช่วยเหลืออย่างไรบ้าง นอกเหนือจะมองว่าใครผิด หรือตำหนิลงโทษใคร และไม่ควรปล่อยให้เด็กที่รังแกกันกลายเป็นประเด็นที่ถูกทั้งสังคมรุมรังแก
ส่วนกรณี นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่าเด็กไม่ควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พญ.อัมพร กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับความเห็นดังกล่าว โดยมองว่าหากกระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้น จะส่งผลทำให้เกิดตราบาปติดตัวเด็กไปทั้งชีวิตหรือไม่ ซึ่งอาจไปปิดกั้นโอกาสของตัวเองในการพัฒนาตัวเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงอารมณ์และจิตใจของเด็ก แต่หากมีทางเลือกหรือข้อเสนอแนะที่ดีกว่า ก็ควรให้โอกาสเด็กในด้านอื่นนอกเหนือจากกระบวนการยุติธรรม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สงสารจับใจ! รุ่นพี่มัธยมรุมดึงผม-ถีบน้อง ป.2 ปล่อยโฮ
