ทีมนักวิจัยเผยการค้นพบซากกระดูกมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ภายในถ้ำประเทศโปแลนด์ การตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาตร์พบว่า เป็นกระดูกของเด็กอายุราว 5 - 7 ขวบ ซึ่งถูกกินโดยนกยักษ์
รายงานของเว็บไซต์ ซีเอ็นเอ็น ระบุว่า เมื่อทีมนักวิจัยค้นพบซากชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบในโปแลนด์เมื่อไม่กี่ปีก่อน พวกเขายังไม่รู้ว่ากระดูกที่พบซ่อนความลับน่าสยดสยอง และจนกระทั่งปีนี้พวกเขาถึงรู้จากการตรวจพิสูจน์ในห้องแล็ปว่า มันเป็นกระดูกมนุษย์ เนื่องจากตอนพบครั้งแรกมันปะปนอยู่กับกระดูกของสัตว์ กระดูกนิ้วมือขนาดจิ๋ว 2 ชิ้น ขนาดความยาวประมาณ 1 ซม. เป็นของเด็กยุคก่อนประวัติศาสตร์ "นีแอนเดอร์ทาล" รายหนึ่ง อายุประมาณ 5 - 7 ขวบ
การตรวจพิสูจน์บ่งชี้ว่า กระดูกมีอายุ 115,000 ปี กระดูกนิ้วมือทั้ง 2 ชิ้นถูกพบภายในถ้ำซิเอ็มนา (ถ้ำมืด) ใกล้เมืองคราคอฟ ทางภาคใต้ของโปแลนด์ โดยพบอยู่ลึกใต้ผิวดินที่ห็นในปัจจุบัน ประมาณ 9 ฟุต พร้อมด้วยเครื่องมือหินหลายชิ้นที่ใช้โดยมนุษย์นีแอนเดอร์ทาล
นักมนุษวิทยา 2 คนคือ แอนิตา เซปาเนค จากมหาวิทยาลัยจากิลโลเนียม ในเมืองคราคอฟ โปแลนด์ และอีริค ทรินคอส จากมหาวิทยาลัย วอชิงตัน ในเมืองเซนต์หลุยส์ สหรัฐอเมริกา ยืนยันว่า กระดูกที่พบเป็นของเด็กยุคนีแอนเดอร์ทาล บนผิวกระดูกเป็นรูพรุนหลายสิบรู ซึ่งทำให้บอกเล่าเรื่องราวได้หลายอย่าง การตรวจวิเคราะห์บ่งชี้ว่า นี่เป็นผลจากการผ่านระบบการย่อยอาหารของนกขนาดใหญ่ นับเป็นตัวอย่างแรกของเหตุการณ์เท่าที่เคยปรากฎจากยุคน้ำแข็ง
นักวิจัยเชื่อว่า เด็กยุคดึกดำบรรพ์รายนี้ อาจจะถูกนกยักษ์โจมตีและกินร่างเป็นอาหาร หรือกินศพหลังจากเด็กเสียชีวิตแล้ว ณ จุดนี้มีความเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง น่าเสียดายที่สภาพกระดูกชำรุดเสียหายมาก ทำให้ตัดความเป็นไปได้ในการตรวจวิเคราะห์ดีเอ็นเอ
ซากชิ้นส่วนมนุษย์เก่าแก่ที่สุด เท่าที่เคยค้นพบในโปแลนด์ก่อนหน้านี้ เป็นชิ้นส่วนกระดูกฟันกรามมนุษย์ยุคนีแอนเดอร์ทาล 3 ชิ้น มีอายุ ประมาณ 52,000 ปี รายละเอียดการค้นพบกระดูกนิ้วมือเด็กยุคนีแอนเดอร์ทาล จะถูกตีพิมพ์เผยแพร่ลงในวารสาร Journal of Paleolithic Archaeology (เจอร์นัล พาลีโอลิธิค อาร์แชโอโลจี) ในปีนี้.