รัฐบาลมาเลเซีย เตรียมแก้กฎหมายเอาผิดผู้กระทำผิดกฎจราจรจนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต รวมทั้งการห้ามขับรถยนต์ตลอดชีวิต ที่ผ่านมา กฎหมายไร้ประสิทธิภาพ คนทำผิดเดี่ยวก็กลับมาขับรถอีก
รัฐบาลมาเลเซียกำลังพิจารณาเพิ่มโทษสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิต ซึ่งรวมทั้งการห้ามขับรถยนต์ตลอดชีพ ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสมาชิกของครอบครัวหนึ่งจำนวน 5 คน ถูกย่างสดเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันบนทางด่วนสายเหนือ-ใต้ เมื่อวันเสาร์ที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยคนขับรถเทรเลอร์วัย 41 ปี ซึ่งเคยถูกออกใบสั่งถึง 13 ครั้งในข้อหากระทำผิดกฎจราจร ถูกจับกุมตัวในเวลาต่อมา
แอนโธนี โลค รัฐมนตรีขนส่งมาเลเซีย กล่าวต่อที่แถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ โทษสูงสุดในข้อหาทำผิดกฎจราจรจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตนั้น คือจำคุก 10 ปี ในคดีส่วนใหญ่ก่อนหน้านี้ การลงโทษผู้กระทำความผิด จำคุกไม่ถึง 10 ปี และไม่มีหารเฆี่ยนด้วยหวาย ซึ่งต้องมีการปัดฝุ่นและทบทวนกันใหม่ รวมทั้งการห้ามขับรถตลอดชีวิตมาบังคับใช้ และบอกด้วยว่า โทษจำคุกสูงสุด 10 ปีในปัจจุบันนี้ อ่อนเกินไป และไร้ประสิทธิภาพ
ภายใต้มาตรา 41 ของกฎหมายขนส่งทางถนนในปี 2530 คนขับรถที่ถูกพิพากษาให้มีความผิด ในกรณีที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการขับรถโดยประมาท ถูกห้ามขับรถเพียง 3 ปี ซึ่งในประเด็นนี้ นายโลค กล่าวว่า เป็นการลงโทษที่ไม่รุนแรงเพียงพอ เพราะหลังรับโทษ 3 ปี ก็มีความเป็นไปได้ว่า พวกเขาก็จะกลับมาขับรถอีก เขารู้สึกว่า บทลงโทษไม่ได้เข้มข้นเพียงพอ
“หากคุณทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตบนท้องถนน คุณควรถูกห้ามไม่ให้ขับขี่รถยนต์ตลอดชีวิตที่เหลือ” เขากล่าว โดยหนังสือพิมพ์เดอะ สตาร์ รายงาน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงขนส่งจะหารือเพิ่มเติมกับบรรดาผู้ที่มีเกี่ยวเกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อพิจารณาอย่างละเอียดถึงผลกระทบจากแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ “ขณะเดียวกัน การทบทวนกฎหมายก็ถือว่ามีส่วนสำคัญ คาดว่าน่าจะใช้เวลานานพอสมควร เพราะมันเกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎหมายด้วย” โลค กล่าว