จากกรณีที่นายถาวร เขจรสาย อายุ 53 ปี ถูกนายสมชาย อ่อนแก้ว อายุ 65 ปีใช้อาวุธปืนจ่อยิงเสียชีวิตก่อนเอาศพยัดใส่กระสอบและนำขึ้นรถเข็นนำศพไปซุกไว้ที่ข้างบ่อบำบัดน้ำเสียของกรมควบคุมมลพิษ สาขาย่อยสำโรง ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ซอย 2 ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ กระทั่งตรวจพบเป็นศพของ อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กระทั่งต่อมามีการออกหมายจับ นายสมชาย แก้วอ่อน ผู้ต้องหา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพย์พงศ์ ผกก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.เดโช โสสุวรรณากุล ผกก.สภ.สำโรงเหนือ พ.ต.ท.ศุภกร ธัญญกรรม รอง ผกก.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันคุมตัว นายสมชาย แก้วอ่อน ผู้ต้องหา ใช้อาวุธปืนยิงนายถาวร เขจรสาย เสียชีวิตไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังจุดเกิดเหตุภายในบริเวณบ่อบำบัดน้ำเสียกรมควบคุมมลพิษสถานีย่อย โดยผู้ก่อเหตุและผู้ตายมีปากเสียงกันที่ในป้อมยามด้านหน้าทางเข้าจนถึงขั้นลงมือชกต่อย มีการคุ้มกันจากเจ้าหน้าที่อย่างแน่นหนา ใช้เวลาในการทำแผนประมาณ 30 นาที ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหากลับมาที่ สภ.สำโรงเหนือสมุทรปราการ เตรียมส่งฟ้องศาลต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงษ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า ผู้ตายและผู้ก่อเหตุทำงานด้วยกัน และเคยเป็นทหารผ่านศึกมาด้วยกัน มารับผิดชอบเฝ้าบ่อบำบัดน้ำเสียของกรมควบคุมมลพิษ และมีเรื่องทะเลาะกันระหองระแหงกันมาตลอด ส่วนเรื่องที่ผู้ตายกล่าวหาว่า นายสมชาย เมาสุราแล้วอาละวาด วันนั้นก็ ผู้ตายเข้ามาเปลี่ยนเวร และเกิดทะเลาะกันถึงขั้นชกต่อย ผู้ก่อเหตุเห็นท่าสู้ไม่ได้จึงใช้อาวุธปืนปากกา ขนาด .22 ยิงใส่ผู้ตาย 2 นัดถึงแก่ความตาย แล้วหลบหนี หลังเกิดเหตุนายสมชาย ได้หลบหนีไปไปขอเงินเพื่อน ซึ่งเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ด้วยกันที่มีนบุรี เพื่อหลบหนีต่อไปยังจังหวัดอุบลราชธานี ตอนเช้าเมื่อวานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้นำกำลังพร้อมหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ เข้าทำการจับกุมตัวนายสมชาย เอาไว้ได้ ก่อนนำตัวผู้ต้องหากลับมาทำการสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี และในวันนี้ได้คุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ
ในส่วนผู้ต้องหาเคยเป็นอดีตตำรวจเก่านั้น หลังถูกออกจากราชการแล้วก็ไปสมัครเป็นทหารผ่านศึก ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องหาเคยฆ่าผู้อื่นที่จังหวัดศรีสะเกษ ติดคุกมา 6 ปี หลังพ้นโทษออกมาก็มาทำอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เป็นยามให้กับองค์การ ทหาร ผ่านศึก ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ซื้อมาจากเพื่อนร่วมงาน ยังไม่พบ ซึ่งทางเราจะทำการสอบสวนต่อไป
ฉนวนการก่อเหตุในครั้งนี้เกิดจากเรื่องการทำงานที่ผู้ตายชอบฟ้องหัวหน้างาน ว่าผู้ต้องหาชอบดื่มสุรา เมาอาละวาด จากการสอบถามพยานบุคคลผู้ก่อเหตุมีอาการมึนเมาสุรา ส่วนเรื่องที่เคลื่อนย้ายศพคาดว่าน่าจะเอาไปทิ้งที่บ่อบำบัด เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการเอาไว้แล้ว