หนุ่มเกาหลีโร่แจ้งความตำรวจเชียงใหม่ หลังไปเที่ยวคาราโอเกะเจอสาวนั่งดริงก์นับสิบรุมล้อม เมาไม่ได้สติเจอรูดบัตรไปกว่า 1.6 แสนบาท ทางร้านเจรจาขอคืนเงิน 6 หมื่นบาท แต่เจ้าตัวมองไม่ยุติธรรมขอคืนอีก 6 หมื่น ด้านเจ้าหน้าที่บุกตรวจร้านไหวตัวทันปิดบริการ
เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 5 ต.ค. พ.ต.อ.ปิยะพันธุ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ศรีประเสิรฐ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้บุกเข้าตรวจสอบร้านวาเลนไทน์ เลขที่ 166/30 ถนนช้างคลาน ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่ร้านก็พบว่าหน้าร้านปิด แต่ด้านในยังเปิดให้บริการและยังมีการจำหน่ายสุราและมีพนักงานสาวนับสิบคนนั่งดริงก์กับลูกค้า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานบริการจำหน่ายสุราเกินเวลาและเปิดสถานบริการไม่มีใบอนุญาต จึงจับกุมตัวนายฐนพร ทวีลาภ อายุ 43 ปีอยู่บ้านเลขที่ 248 หมู่ที่ 10 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ผู้จัดการร้านดำเนินคดีข้อหา "ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาติ และจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเหนือเวลาที่กฏหมายกำหนด และเกินกว่าเวลาที่ได้รับอนุญาต"
ส่วนร้านคาราโอเกะอีกแห่งหนึ่ง ย่านถนนเจริญประเทศ อ.เมืองเชียงใหม่ ที่ถูกนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีร้องเรียน ว่าคิดเงินค่าใช้บริการมากกว่า 5.5 ล้านวอน หรือ 1.6 แสนบาท เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบไหวตัวปิดร้านไปก่อน โดยร้านทั้ง 2 แห่ง อยู่ในเครือเดียวกัน เมื่อมีการร้องเรียนจึง จึงเข้าตรวจสอบและจับกุมเพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยว
พ.ต.อ.ปิยะพันธุ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เผยว่า ก่อนหน้านี้ได้รับการร้องเรียน จากนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีว่าเข้าไปใช้บริการร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน และ ถูกทางร้านคิดค่าใช้บริการมากกว่า 5.5 ล้านวอน หรือ 1.6 แสนบาท ซึ่งได้ตรวจสอบข้อมูลทางร้านอ้างว่าเป็นค่านั่งดริงก์ และค่าเครืองดื่มเนื่องจากลูกค้ารายนี้นั่งหลายชั่วโมง หลังจากนั้นทางร้านและลูกค้าได้เจรจากัน ทางร้านยอมคืนเงินให้ 6 หมื่นบาท แต่นักท่องเที่ยวเกาหลีรายนี้ยังรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจขณะที่ร้านคาราโอเกะที่ถูกร้องเรียน เจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจสอบไม่ได้ เนื่องจากปิดบริการ แต่พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่าเอาเปรียบนักท่องเที่ยวจริง จะดำเนินคดีในข้อหาอื่นๆเพิ่มเติม
ต่อมาเวลา 11.30 น.วันเดียวกัน ที่สภ.เมืองเชียงใหม่ นาย Jeong Geunbok อายุ 46 ปี นักท่องเที่ยวชาวเกาหลี ได้เดินทางมาพบกับ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ บุญประสิทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว โดยนาย Jeong Geunbok ได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมเพิ่มเติมว่าเมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมาตนไปเที่ยวร้านคาราโอเกะ และเรียกสาวมานั่งดื่มเป็นเพื่อน 10 คนและตนเองก็เมา มาก ไม่ได้สติ พอรุ่งเช้าก็ไม่คิดอะไรนึกว่าจ่ายเงินไปแล้วจบไปแล้ว พอวันที่ 23 ก.ย. มีอีเมล์แจ้งยอดบัตรเครดิตจำนวน 5,558,000 วอน คิดเป็นเงินไทย 1.6 แสนบาท โดยมีการรูดบัตรจำนวน 6 ครั้งและหลายครั้งก็ไม่ใช่ลายเซ็นตัวเองด้วย สร้างความตกใจให้ตนอย่างมาก ตนก็ไปปรึกษาสถาทูต เขาก็แนะนำให้มาแจ้งความวันที่ 24 ก.ย. และก็มีทางร้านมาเจรจาคืนเงินให้ตนเอง 6 หมื่นบาท พอกลับที่พักตนก็มานั่งคิดว่ายังไม่ยุติธรรมวันที่ 28 ก.ย.ตนก็เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง และวันที่ 4 ต.ค. ก็มาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง และวันนี้ก็มาพบอีกครั้งโดยตนอยากจะให้เรื่องจบ โดยหากทางร้านยินยอมคืนเงินให้อีก 6 หมื่นบาทก็จะพอใจ
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ บุญประสิทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และภาพลักษณ์การท่องเที่ยว โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงและจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ส่วนที่นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีอ้างว่า ทางร้านนำบัตรเครดิตไปรูดถึง 6 ครั้งและมีการปลอมแปลงลายเซ็นนั้น จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางร้านเพื่อหาข้อเท็จจริง หากพบว่าทำจริงก็จะมีความผิดในข้อหาอื่นๆ ซึ่งวันนี้เราก็จะสอบสวนปากคำผู้เสียหายให้ละเอียดทุกแง่มุม และไปเอากล้องจรปิดจากทางร้าน และเรียกทางร้านมาพูดคุย เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าร้านดังกล่าวเปิดให้บริการโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งจะเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง จ.เชียงใหม่ ได้เรียกประชุมสถานประกอบการใน จ.เชียงใหม่ทั้งหมดในวันนี้เวลา 17.00 น. เพื่อสร้างความเข้าใจให้ทุกร้าน ไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบลูกค้า และต้องติดป้ายราคาให้ชัดเจน หากร้านไหนฝ่าฝืนก็จะถูกดำเนินการตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค