จากผลโพลระบุว่า โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 8 มิ.ย. ชาวอังกฤษต้องการนโยบายต้านก่อการร้ายมากกว่าเบร็กซิต อย่างไรก็ตามพรรคอนุรักษ์นิยมยังมีคะแนนนำพรรคเเรงงานอยู่ 6%
อังกฤษจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ในวันที่ 8 มิ.ย. นี้กำหนดชะตาอียูที่อังกฤษต้องการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิก หรือ "เบร็กซิต" แต่ดูเหมือนว่าจะถูกประเด็นก่อการร้ายมาปาดหน้าอย่างแรง จนทำให้ผลโพลล่าสุดระบุว่านาทีนี้ชาวอังกฤษต้องการความปลอดภัยและมั่นคงในชีวิตตามทฤษฎีลำดับความต้องการขั้นที่ 2 ของมาสโลว์มากกว่าเบร็กซิตไปแล้ว ผู้ลงสมัคร 4 คน ได้แก่ จากซ้ายไปขวา เจเรมี คอร์บิน, เทเรซา เมย์, ทิม ฟาร์รอน, นิโคลา สเตอเจียน นายกรัฐมนตรีเทเรซ่า เมย์ พลาดท่าเรื่องการรักษาความปลอดภัยเนื่องจากไปลดจำนวนตำรวจเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้สกัดกั้นแผนก่อการร้ายได้ยากขึ้น แต่เธอได้มาล้อมคอกเมื่อวัวหายโดยแถลงหลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายไปแล้ว ระบุว่า 'เราทนมามากพอแล้ว' และจะพยายามผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อรับมือกับแนวคิดคตินิยมหัวรุนแรงภายในประเทศ ด้านคู่แข่งคนสำคัญอย่าง นายเจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคเลเบอร์ ใช้ประเด็นต้านการก่อการร้ายโจมตีพรรคคอนเซอร์เวทีฟว่ากำลัง 'ปกป้องประชาชนด้วยงบประมาณแบบจำกัดจำเขี่ย' และการเข้าไปแทรกแซงในอิรักและซีเรีย จะยิ่งทำให้สหราชอาณาจักรเสี่ยงต่อภัยก่อการร้ายในประเทศมากขึ้น // แต่ด้านคอร์บินเองกำลังแก้ไขภาพลักษณ์ที่ดูอ่อนแอในประเด็นก่อการร้ายมาตลอดซึ่งถูกโจมตีว่า ไม่เหมาะเป็นผู้นำ เพราะเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการไออาร์เอ ซึ่งเป็นหน่วยก่อการร้ายเพื่ออิสรภาพไอร์แลนด์ ในช่วงปี 1980 โดยถูกโจมตีว่าเขาเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ คอร์บินโจมตีนโยบายเมย์ว่า การที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจน้อยลง จะตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น หากพรรคคอนเซอร์เวทีฟชนะการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน อาจต้องถูกตัดลดงบประมาณลงอีก 400 ล้านปอนด์ (17.8 พันล้านบาท) และตำรวจอีก 12,800 คนจะต้องอยู่ในภาวะเสี่ยงตกงาน หลังปรับลดลงไปแล้ว 18,991 คน หรือ 13% ส่วนนางเมย์ ระบุว่านับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา พรรคคอนเซอร์เวทีฟได้ปกป้องทั้งตำแหน่งงานและงบประมาณต่อต้านการก่อการร้ายมาโดยตลอด รวมถึงจ้างงานเพิ่ม 1,900 ตำแหน่งในสำนักงานข่าวกรองหรือ MI5 และให้สัญญาว่า หากได้รับเลือกจะเสนอร่างกฎหมาย เพื่อปรับเปลี่ยนการทำงานของตำรวจ เพื่อให้การเรียกค้นตัวผู้ต้องสงสัย และการจับกุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้นายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศ จากพรรคคอนเซอร์เวทีฟ และอดีตนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ออกโรงป้องเมย์ว่าจำนวนตำรวจในลอนดอนยังสูงอยู่ แต่การเปลี่ยนแปลงวิธีทำงานที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยการได้จัดระเบียบใหม่ ลดเจ้าหน้าที่สำนักงาน แต่เพิ่มเจ้าหน้าที่ภาคสนามให้มากขึ้น จึงเป็นผลให้อัตราอาชญากรรมลดลง คดีก่อการร้ายยังค้างศาลอังกฤษยังมีอยู่ไม่น้อย สถิติชี้ว่า หน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายของสหราชอาณาจักร ต้องรับมือกับงานสอบสวนประมาณ 500 กรณี ซึ่งเกี่ยวข้องกับคนประมาณ 3,000 คน