ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการเยือนเกาหลีเหนือ 3 วันระหว่างวันที่ 18-20 กันยายน ของประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ผู้นำเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีที่ผู้นำเกาหลีใต้เยือนเกาหลีเหนือ การเยือนในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องของ 2 เกาหลีให้แนบแน่นยิ่งขึ้น อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นกาวใจ หรือโซ่ข้อกลาง ประสานรอยร้าวระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐ ในประเด็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ที่ยังไม่มีความคืบหน้า
นายมุน ประชุมสุดยอดอย่างมิตรภาพ แบบที่เขาประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ต้อง “ใจประสานใจ” กับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เป็นการพบกันครั้งที่ 3 ในปีนี้ บรรยากาศเป็นกันเองทุกฝ่ายยิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนกับไม่เคยบาดหมางและขัดแย้งกันแบบฝังรากลึกกว่า 60 ปีตั้งแต่สงครามเกาหลีระหว่างปี 2493-2496
ผู้นำทั้ง 2 เริ่มต้นการเจรจากันอย่างเป็นทางการในช่วงบ่ายวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่จากประชาชนเรือนแสน 2 ข้างถนนที่รถยนต์ของ 2 ผู้นำเคลื่อนผ่าน ท่ามกลางเสียงตะโกนคำว่า “รวมชาติ และแผ่นดินมาตุภูมิ”
คิม กล่าวว่า เขาต้องการได้ “ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่” หรือ big outcome เมื่อเริ่มต้นการประชุม และในการประชุมตลอด 3 วัน สิ่งที่ยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้นกับ 2 เกาหลีอย่างที่คิมต้องการ โดย 2 เกาหลี ตกลงร่วมกัน ยื่นขอเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ปี 2032 (2576) และยังตกลงที่จะรวมทีมกีฬาในการแข่งขันระดับนานาชาติ ซึ่งรวมทั้งกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ปี 2020 ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นด้วย
นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังตกลงที่จะรื้อถอนทำลายสถานที่ทดลองขีปนาวุธ “อย่างถาวร” ต่อหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ และยังต้องการปิดสถานที่ทดลองนิวเคลียร์ด้วย หากสหรัฐสนองตอบอย่างสร้างสรรค์ อีกทั้ง ผู้นำทั้ง 2 ยังได้ลงนามในข้อตกลงผ่อนคลายความตึงเครียดทางทหารในคาบสมุทรเกาหลี
ในการแถลงข่าวร่วม นายมุนและคิม ยังบอกด้วยว่า พวกเขาเห็นด้วยที่จะเปลี่ยนคาบสมุทรเกาหลีให้เป็น “ดินแดนแห่งสันติภาพโดยปราศจากอาวุธนิวเคลียร์และภัยคุกคามจากนิวเคลียร์” คิมประกาศจะเดินทางเยือนกรุงโซลในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย ซึ่งมันจะเป็นครั้งแรกเท่าที่เคยมีมาที่ผู้นำเกาหลีเหนือเยือนเมืองหลวงของเกาหลีใต้
เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปิดการประชุมที่สุดยอดและงดงามอย่างมาก เมื่อนายคิม พานายมุน พร้อมคณะขึ้นไปเที่ยวชมทัศนียภาพบนภูเขาแพ็คตู ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นายมุนใฝ่ฝันอยากจะเห็นมานานแล้ว ทำให้ฝันของนายมุนเป็นจริงขึ้นมา
หลังเดินทางถึงกรุงโซลแล้ว นายมุน แถลงข่าวเกี่ยวกับประเด็นการประชุม 3 วันว่า ผู้นำเกาหลีเหนือต้องการจัดการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐโดยเร็วที่สุด เพื่อเร่งกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ แต่เป้าหมายสำคัญอีกประการหนึ่ง คือการประกาศยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการให้ได้ภายในปีนี้
มุนบอกว่า เขาและคิมใช้เวลาส่วนใหญ่ในการหารือกัน 3 วันเพื่อหาวิธีผ่าทางตันและรื้อฟื้นการเจรจาระหว่างคิมกับทรัมป์ ซึ่งยังมีความขัดแย้งกันอยู่ว่า จะปลดนิวเคลียร์ก่อน หรือจะประกาศยุติสงครามก่อน
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก่อนหลัง มันก็จะส่งผลดีต่อคาบสมุทรเกาหลี และในอนาคตอันใกล้นี้ โลกจะได้เห็นการประชุมครั้งที่ 2 ระหว่างคิม กับทรัมป์อย่างแน่นอน
21/ก.ย./61
สันติ สร้างนอก