เหิมหนัก! ขู่ฆ่า จนท.อุทยานฯ หลังยึดคืนพื้นที่ป่า227ไร่

2018-09-20 15:25:31

เหิมหนัก! ขู่ฆ่า จนท.อุทยานฯ หลังยึดคืนพื้นที่ป่า227ไร่

Advertisement

กลุ่มนายทุนผู้เสียผลประโยชน์ใช้อิทธิพลขู่ฆ่า จนท.อุทยานฯ หลังเข้ายึดคืนพื้นที่ป่า 227 ไร่

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายอภิชาต แสงประดับ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี จ.ระนอง นำกำลังพร้อมอาวุธครบมือ ประสานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะรอง หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพตรี ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 415 ตำรวจปทส. ตำรวจ สก.เมืองระนอง ทหารชุด กอ.รมน. จ.ระนอง รวมจำนวน 50 นาย ลงเรือเร็วจำนวน 2 ลำ และเรือหางยางอีกจำนวน 1 ลำ เดินทางไปยังพื้นที่เกาะขวาง ตั้งอยู่กลางมีน้ำกระบุรี เชื่อมต่อทะเลอันดามัน แนวเขตติดต่อกับประเทศเมียนมา ในพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.ทรายแดง อ.เมือง จ.ระนอง เพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่จำนวน 227 ไร่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ร่วมกับชุดพยัคฆ์ไพรเข้าทำการตรวจยึดกลับคืนมาเป็นของรัฐเนื่องจากอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ซึ่งนายทุนที่เข้าไปทำผลประโยชน์ขอทำสัมปทานในพื้นที่เป็นเวลา 20 ปี สัมปทานได้หมดอายุลง แต่ยังมีผลผลิตทางการเกษตรและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆอยู่ในพื้นที่ จนมีการดำเนินคดีต่อนายทุนผู้ครอบครองเรื่องยังอยู่ในชั้นศาล แต่นายทุนกลับส่งคนของตนเองลักลอบเข้ามาเก็บผลผลิตอย่างต่อเนื่องโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เพราะถือว่าตนเองเป็นผู้มีอิทธิพลรู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการสนธิกำลังจากหลากหลายหน่วยงานเข้าตรวจสอบพื้นที่ในวันนี้ ได้มีผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของหรือผู้ที่เสียผลประโยชน์จากการเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าของเจ้าหน้าที่ ได้มีการโทรมาข่มขู่เจ้าหน้าที่อุทยานลำน้ำกระบุรี ซึ่งเป็นผู้ที่ออกตรวจตราและจับกุมผู้กระทำผิดในพื้นที่ดังกล่าว ว่าห้ามเข้ามายุ่งในพื้นที่เกาะขวางในเนื้อที่จำนวน 227 ไร่เพราะตนเองจะส่งลูกน้องเข้าไปทำการเก็บผลผลิตในพื้นที่ หากเข้ามายุ่งในพื้นที่อาจจะไม่มีชีวิตอยู่ได้ดูโลกหรือได้ทำงานอีกต่อไป จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นจากนั้นเข้าตรวจสอบพื้นที่ จนมาพบผู้กระทำผิดจำนวน 1 ราย กำลังแผ้วถางป่าในพื้นที่ดังกล่าว จึงได้ควบคุมตัวเพื่อส่ง ร้อยเวร สก.เมืองระนองดำเนินคดีตามกฎหมาย




ทั้งนี้ ด้วยเหตุที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดกับแนวเขตประเทศเพื่อนบ้าน ที่ผ่านมามักจะมีปัญหาเรื่องการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา และการลักลอบค้ามนุษย์ชาวโรงฮิงญา เข้ามาแอบซ่อนเพื่อรอนายทุนมารับตัวต่อส่งไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย เมื่อเจ้าหน้าที่มีการจับกุมและดำเนินคดีพร้อมมีการออกลาดตระเวนเป็นประจำในพื้นที่ดังกล่าว จึงไม่มีการนำแรงงานผิดกฎหมายทั้งชาวเมียนมาหรือชาวโรฮิงญามาซุกซ่อน แต่อาจจะทำให้นายทุนไม่พอใจเพราะขาดผลประโยชน์ทั้งเรื่องการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งในความเป็นจริงอยู่ในขั้นตอนของศาล จึงไม่สามารถเข้ามาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในหลากหลายรูปแบบ ส่งผลให้มีการโทรข่มขู่เจ้าหน้าที่ว่าจะเอาถึงชีวิตหากเจ้าหน้าที่ไม่ยอมหยุดตรวจตราในพื้นที่ดังกล่าว