ประธาน กกต.คาดแบ่งเขตเลือกตั้งแล้วเสร็จ 5 พ.ย. พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายกรัฐมนตรี ระบุมีขบวนการชักชวนประชาชนให้กาบัตรเสียหรือโหวตโน
เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.แถลงถึงการออกระเบียบว่าด้วยแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.และการแบ่งเขตเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด ว่า เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งมีเวลา 90 วัน ก่อนกฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ โดย กกต.จะต้องแบ่งเขตเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน และอีก 30 วันที่เหลือเปิดให้พรรคการเมืองตั้งกรรมการสรรหาคัดเลือกผู้สมัคร ทั้งนี้สำหรับขั้นตอนการแบ่งเขตจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ คือ ผอ.เลือกตั้งประจำจังหวัดจะใช้เวลาจากนี้ 14 วัน เพื่อกำหนดรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง 3 รูปแบบซึ่งเป็นตัวเลือกต่อ 1 เขต
ประธาน กกต. กล่าวต่อว่า ระยะเวลาดังกล่าวจะครบกำหนดในวันที่ 3 ต.ค. 2561 จากนั้นจะใช้เวลาอีก 10 วัน เพื่อประกาศให้ประชาชน พรรคการเมืองให้ความเห็น เมื่อเสร็จแล้ว ผอ.เลือกตั้งประจำจังหวัดจะรวบรวมความเห็นภายในวันที่ 13 ต.ค. เพื่อส่งให้ กกต.พิจารณา ภายใน 20 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 5 พ.ย. ก่อนจะนำส่งเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งรวมแล้วประมาณ 55 วัน อย่างไรก็ตามหากทำเสร็จเร็วก็จะทำให้พรรคการเมืองมีเวลาในการหาตัวผู้สมัคร โดยมีเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีขบวนการชักชวนประชาชนให้กาบัตรเสียหรือโหวตโน ว่า หากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นก็เป็นหน้าที่ กกต.ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน หากมีมูลก็ต้องรีบดำเนินการหาหลักฐาน เมื่อถามถึงการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการหาเสียง ประธาน กกต. กล่าวว่า คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 13/2561 ให้พรรคสามารถใช้โวเชียลมีเดียติดต่อสื่อสารกับผู้ดำรงตำแหน่งภายในพรรคและสมาชิกพรรคได้ ถือเป็นการคลายล็อกแล้ว แต่การกระทำลักษณะหาเสียงนั้น คำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 ยังคงอยู่ ประกอบกับคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ดังนั้นจึงยังหาเสียงไม่ได้ ส่วนระเบียบการหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย ขณะนี้การยกร่างระเบียบมีความคืบหน้าไปอย่างน่าพอใจ คงไม่ห้ามหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่หาเสียงอย่างไรให้เหมาะสม ไม่กระทบกับการเลือกตั้ง ไม่ถึงกับการควบคุม เพียงแต่อาจจะมีบทบัญญัติ ว่าจะทำอะไรให้แจ้ง แต่เบื้องต้นยังไมได้ข้อยุติ