"ไต้ฝุ่นมังคุด” อ่อนกำลัง “กลาง-ตะวันออก-ใต้” ฝนมาก

2018-09-17 10:00:25

"ไต้ฝุ่นมังคุด” อ่อนกำลัง  “กลาง-ตะวันออก-ใต้” ฝนมาก

Advertisement

ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต ระบุไต้ฝุ่น“มังคุด” เริ่มออกกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้ว แต่ยังส่งผลกระทบฝนตกหนัก ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ คาดฝนตกหนักวันนี้ 30 จังหวัด

เมื่อวันที่ 17 ก.ย. นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะ ผอ.ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ ประจำวันที่ 17 ก.ย.2561 ว่า วันนี้เมื่อเวลา 04.00 น. พายุไต้ฝุ่น “มังคุด” (MANGKHUT) บริเวณประเทศจีนตอนใต้ ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหนานหนิง ประเทศจีน ประมาณ 63 กิโลเมตร เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย มีแนวโน้มว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนเข้าสู่เขตมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ในวันที่ 18 ก.ย. 2561 ซึ่งจะส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรง ทำให้บริเวณพื้นที่รับลมมรสุมด้านตะวันตกของภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ในช่วงวันที่ 17-19 ก.ย. 2561 ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่ม

นายสำเริง กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ฝนวันนี้ คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมาก 30 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ กทม.นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง และสตูล ซึ่งปริมาณฝน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบว่า มีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะในภาคตะวันออกและภาคใต้ โดยภาคตะวันออกปริมาณฝนสูงสุดที่ จ.จันทบุรี 226 มม. ตราด 200 มม. ชลบุรี 83 มม. และปราจีนบุรี 44 ม. ตามลำดับ ส่วนภาคใต้สูงสุดที่ จ.ระนอง 194 มม. พังงา 125 มม. ภูเก็ต 97 มม. สุราษฎร์ธานี 95 มม. สตูล 74 ตรัง 44 มม. และกระบี่ 42 มม. ตามลำดับ ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.มุกดาหาร 60 มม. และส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคกลาง มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง




“จากการติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำและลำน้ำที่สำคัญในหลายพื้นที่พบว่ามีแนวโน้มทรงตัวและลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำภาคตะวันออก และภาคใต้ ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเนื่องจากยังมีฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันแม่น้ำภาคตะวันออก มีระดับปานกลางถึงน้ำมาก มีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่งในแม่น้ำนครนายก บริเวณ อ.องครักษ์ จ.นครนายก แนวโน้มทรงตัว แม่น้ำปราจีนบุรี บริเวณ อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี แนวโน้มทรงตัว แม่น้ำบางปะกง อ.บางน้ำเปรี้ยว แนวโน้มทรงตัว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา แนวโน้มเพิ่มขึ้น และคลองพระปรง อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว แนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้ มีระดับปานกลางถึงน้ำมาก มีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่งในคลองละงู บริเวณ ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล คลองนางน้อย ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง” นายสำเริง กล่าว

นายสำเริง กล่าวเพิ่มเติมถึงการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ปราจีนบุรี-บางปะกง ที่ยังต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามที่สทนช.ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำระบบชลประทานในแม่น้ำปราจีนบุรี และแม่น้ำนครนายก ตามการคาดการณ์ปริมาณฝนที่จะตกต่อเนื่องในพื้นที่ รวมถึงพื้นที่เจ้าพระยาฝั่งตะวันออกต้องปรับแผนการระบายน้ำ เพื่อแบ่งรับน้ำจากแม่น้ำในและแม่น้ำนครนายก โดยให้กระทบต่อพื้นที่น้อยที่สุด รวมไปถึงการบริหารจัดการพื้นที่ทุ่งรับน้ำให้เป็นไปตามแผนด้วย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

http://www.newtv.co.th/news/21524

http://www.newtv.co.th/news/21523