“มังคุด” ถล่มฮ่องกง-ภาคใต้ของจีน ส่วนฟิลิปปินส์ตายพุ่งกว่า 50 (มีคลิป)

2018-09-17 07:45:43

“มังคุด” ถล่มฮ่องกง-ภาคใต้ของจีน ส่วนฟิลิปปินส์ตายพุ่งกว่า 50 (มีคลิป)

Advertisement

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “มังคุด” เคลื่อนตัวเข้าถล่มมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด ทางตอนใต้ของจีนเมื่อวานนี้ หลังจากพัดถล่มฮ่องกงและมาเก๊า เขตปกครองพิเศษของจีน ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และก่อนหน้านั้น เข้าถล่มเกาะลูซอน ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50 ราย

โดยไต้ฝุ่น “มังคุด” ซึ่งอ่อนกำลังลงเป็นไซโคลนฤดูร้อน เคลื่อนตัวด้วยความเร็วลมใกล้จุดศูนย์กลางมากกว่า 200 กิโลเมตร ถือว่าเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่พัดเข้าถล่มภูมิภาคนี้ในปีนี้ เทียบเท่าเฮอริเคนระดับ 5 ในมหาสมุทรแอตแลนติก

ดวงตาไต้ฝุ่น “มังคุด” ชื่อผลไม้ไทย อยู่ห่างจากตอนใต้ของฮ่องกง 100 กิโลเมตร แต่อดีตอาณานิคมของอังกฤษแห่งนี้ ยังคงได้รับอิทธิพล ทำให้ฝนตกหนักและกระแสลมแรง ฮ่องกงเพิ่มคำเตือนภัยพายุสูงสุดระดับ 10 เมื่อวานนี้ ขณะกระแสลมกระโชกแรง พัดต้นไม้หักโค่นระเนระนาด และกระจกสำนักงานและอาคารสูงหลายแห่งแตกกระจัดกระจาย




นอกจากนี้ ยังเกิดคลื่นซัดฝังสูง 3.5 เมตร ในหลายพื้นที่ ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมถนนหลายสาย และท่วมอาคารที่อยู่ใกล้ชายฝั่ง ส่วนแผนการเดินทางของนักท่องเที่ยวนับหมื่นคน ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเที่ยวบินทั้งหมดถูกยกเลิกที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินสำคัญในภูมิภาคแห่งหนึ่ง

หลังจากเคลื่อนตัวผ่านฮ่องกงและมาเก๊า ไต้ฝุ่น “มังคุด” ซึ่งเคลื่อนตัวด้วยความเร็วลม 33 กิโลเมตร ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ก็เข้าถล่มเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เวลาประมาณ 23.00 น.คืนวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้ฝนตกหนักและกระแสลมแรงพัดต้นไม้หักโค่น, ป้ายจราจรล้ม และถังขยะปลิวไปตามถนน นอกจากนี้ ยังทำให้กระแสไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ด้วย แต่มณฑลกว่างซี เตรียมตัวรับมือไว้ก่อน 2 วันแล้ว มีการอพยพประชาชนกว่า 250,000 คน ไปยังพื้นที่ปลอดภัย



สำนักงานการศึกษา สั่งให้ปิดโรงเรียนทั้งหมดใน 9 เมืองวันอาทิตย์และวันนี้ และสำนักงานดับเพลิงก็ส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงประมาณ 500 คน และรถดับเพลิงอีก 130 คัน ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ส่วนเจ้าหน้าที่ไฟฟ้า ก็สั่งเจ้าหน้าที่ 14,000 คน เตรียมพร้อมในกรณีเกิดไฟฟ้าดับ

ส่วนในฟิลิปินส์ ตัวเลขผู้เสียชีวิตในช่วงเย็นวานนี้ เกิน 50 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากดินถล่มในพื้นที่เชิงเขาเขตคอร์ดิลเลรา