จิตแพทย์ชี้กรณี“บอยสกล”เรียก "โรคมโน"

2018-09-12 18:55:42

จิตแพทย์ชี้กรณี“บอยสกล”เรียก "โรคมโน"

Advertisement

“นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล”จิตแพทย์ชื่อดังชี้กรณี “บอยสกล” เรียกว่า “ซูโดโลเกีย แฟนตาสติก้า” พูดจาโกหกแบบมีความสะใจ เมามัน รู้สึกอินกับการได้พูดอย่างมาก มักจะพูดให้ตนเองดูดี ใส่ร้ายผู้อื่นในคราเดียวกัน พบได้ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป อายุเฉลี่ยที่เจอบ่อยๆ คือ 22 ปี

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (Kampanart Tansithabudhkun, M.D.) ระบุว่า มีแฟนเพจหลายคนที่สนใจเรื่องราวของแฮชแท็กดัง "บอยสกล" ใช้คำสั้นๆว่า "โรคมโน" ซึ่งความเป็นจริงแล้ว คำว่า "มโน" เป็นคำที่ใช้กันโดยทั่วไปเหมือนคนที่ คิดเองเออเอง แต่งเรื่องราวขึ้นมาเอง บางครั้งก็หลอกคนอื่น บางครั้งก็หลอกตัวเอง วันนี้จะนำเสนอความรู้คร่าวๆเกี่ยวกับคำว่า Pseudologia Fantastica ( ซูโดโลเกีย แฟนตาสติก้า)

pseudo =เทียม (ไม่แท้) + logos or logic =ตรรกะและเหตุผล +fantastica or fantastic =อลังการเว่อร์ รวมกันกลายเป็น "ตรรกะเว่อร์ๆ ที่หามูลความจริงได้ยาก"




“pseudologia phantastica” ถูกบัญญัติโดย Anton Delbrueck ตั้งแต่ปี 1891 คำคำนี้เป็นคำที่คนรู้จักกันค่อนข้างน้อยแม้แต่ในวงการจิตเวชเองก็ไม่ค่อยได้พูดถึงมากนัก และ คำนี้ก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกถึงการป่วยเป็นโรค แต่เรียกว่าเป็น ศัพท์เฉพาะที่ใช้สำหรับพฤติกรรมใดพฤติกรรมหนึ่งที่เราสงสัยว่าจะมีอาการบางอย่าง



คำคำนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของปัญหาทางด้านสุขภาพจิต เช่น จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวกที่มีการโกหกแบบมีพยาธิสภาพ (pathological lying) คือมีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตอะไรบางอย่างที่นำไปสู่การโกหกเป็นเรื่องเป็นราว เป็นตุเป็นตะ หลอกให้คนเชื่อด้วยการใส่สีสันใส่ไข่ให้ดูเวอร์วังอลังการ คนที่ฟังก็จะรู้สึกตื่นเต้นและรู้สึกสนใจในตัวผู้พูดอย่างมาก จนกลายเป็นเหยื่อได้ในที่สุด




การโกหกโดยของคนทั่วๆไปก็อาจจะเป็นการ ปกป้องเรื่องราวอะไรบางอย่างที่ตัวเองไม่อยากเปิดเผย แต่ใน pseudologia fantastica จะเป็นการพูดจาโกหกแบบมีความสะใจ เมามัน รู้สึกอินกับการได้พูดอย่างมาก เวลาพูดไปแล้วก็เหมือนกับคิดว่าเหตุการณ์ที่ตัวเองพูดเป็นเรื่องจริง มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ เรียกง่ายๆว่าหลอกคนอื่นไปด้วยแล้วพูดบ่อยๆหลอกบ่อยๆจนกลายเป็นหลอกตัวเองไปด้วยว่าเหตุการณ์ที่ตัวเองพูดนั้นมีอยู่จริง และมักจะพูดให้ตนเองดูดีและถูกอยู่เสมอ เพื่อผลประโยชน์อะไรบางอย่าง และมักจะใส่ร้ายผู้อื่นในคราเดียวกัน

pseudologia fantastica เจอได้ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป แต่อายุเฉลี่ยที่เจอบ่อยๆ คือ 22 ปี ซึ่งถ้าพิจารณาดีๆจะเห็นว่าเป็นช่วงตั้งแต่วัยรุ่นตอนกลางไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และจะต่อเนื่องไปเรื่อยจนถึงวัยชราได้ ถ้ายังมีแรงโกหกตอแหล (เหมือนพวกนักการเมืองบางคน)ดังนั้นช่วงเวลาเหล่านั้นก็เป็นช่วงเวลาของบุคลิกภาพได้ฟอร์มตัวขึ้นมาเป็นเรื่องเป็นราวเรียบร้อยแล้ว ก็จะเป็นลักษณะเด่น (trait)ทางด้านบุคลิกภาพ ของแต่ละคนที่อาจจะซ่อนอยู่



นอกจากนี้ยังสามารถพบอาการคล้ายๆแบบนี้ได้ในผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคทางจิตเวชได้เลย เช่น โรคไบโพลาร์ ออทิสติก ปัญหาบุคลิกภาพชนิดต่างๆ บางตำราก็บอกว่าเจอได้บ่อยใน บุคลิกภาพชนิด Borderline Personality Disorder ( บุคลิกภาพแบบชีวิตล้มเหลว ชอบทำร้ายตัวเอง กรีดข้อมือ กินยาฆ่าตัวตาย เป็นต้น ) Histrionic Personality Disorder (บุคลิกภาพแบบชอบเรียกร้องความสนใจ ยั่วยวน อยากให้คนชื่นชมเยอะๆ) Narcissistic Personality Disorder ( บุคลิกภาพชนิดหลงตัวเอง ผู้ที่ชอบทำตัวเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เอาแต่ใจตัวเอง) และที่พบได้บ่อยและน่ากลัวที่สุดและอาจจะเป็นตัวแทนบุคลิกภาพของคนในสังคมที่กำลังโด่งดังหรือเคยโด่งดังในอดีตและที่ผมเคยยกตัวอย่างมาก็คือ Antisocial Personality Disorder (บุคลิกภาพชนิดต่อต้านสังคมหรือสันดานโจรนั่นเอง)



คราวนี้ก็ต้อง ไปหา เจ้าตัวคนก่อเรื่องให้เจอก่อนแล้วเอามาสืบสวนสอบสวนให้เป็นเรื่องเป็นราวให้ชัดเจนว่า พฤติกรรมดังกล่าว น่าจะเป็นปัญหาสุขภาพจิตแบบไหนจุดที่น่าสนใจก็คือถ้ามีประวัติหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ เช่น เรื่องเงินเรื่องทอง มีการโกงมีการขโมย มีการหลอกลวงเกิดขึ้น ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยวินิจฉัย ว่าป่วยเป็นโรคทางจิตเวช เพราะคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคทางจิตเวชส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีการวางแผนที่แยบยลเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ได้นานและไม่ได้เป็นคนที่มีจิตใจคิดร้ายหรือทำร้ายผู้อื่นให้เกิดความเสียหายสักเท่าไหร่ ซึ่งเรามักจะนึกถึงพวกที่มีปัญหาทางด้านบุคลิกภาพหรือพวกโรคนิสัยเสีย สันดานเสีย เสียมากกว่านะครับ เคสพวกนี้หลายเคสส่วนใหญ่มักจะเป็นจบลงด้วยคดีอาญา เป็นอาชญากรหรือแม้แต่เรื่องของการมีคดีแพ่ง มีการฟ้องร้องต่างๆเกิดขึ้น อย่างแน่นอน รอติดตามชมกันต่อไปนะครับขอให้จับตัวได้ในเร็ววัน ปล.อย่างที่เคยพูดไปแล้วว่า ยังมีอีกหลายเคส รอถูกแฉกันอยู่ เดี๋ยวคงมีคนเอามาลงให้ดูครับ จะเป็นคนดังหรือไม่ดัง แต่ถ้าเลว ถ้าร้ายมาก ยังงัยก็ดังแน่ๆ ดังแบบโป๊ะแตก เอ้ย! พลุแตกครับ

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (Kampanart Tansithabudhkun, M.D.)