สาวคาใจ รถเสียจอดเลนขวา ถูกตำรวจแจ้งข้อหา แถมพูดจาไม่ดีใส่
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “ฟาร์ ยีราฟแคระซิ่ง” ได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาว 20 วินาที พร้อมข้อความ ระบุว่า "ไม่มีใครอยากให้รถเสียหรอก รถจะเสียตอนไหนจะมีคนรู้ ใครบ้างจะอยากให้รถตัวเองเสีย พังกลางถนน อยู่เลนขวาสุดด้วย ซ้ำโดนตำรวจเขียนใบสั่ง พูดจาอย่างกับอะไร" โดยตำรวจได้แจ้งข้อหาหญิงสาวรายนี้ว่า นำรถที่ไม่มีสภาพมั่นคงแข็งแรงมาใช้ในทาง ทำให้เธอข้องใจเป็นอย่างมากว่าทำไม่รถเสียจึงถูกแจ้งข้อหา
หลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีผู้มามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่บอกว่า ตำรวจควรให้ความช่วยเหลือประชาชน ช่วยแก้ไขปัญหา อีกส่วนต่างเข้ามาต่อว่าตำรวจว่าทำตำรวจทำเกินกว่าเหตุ และบอกว่า ใครจะอยากให้รถเสียกัน
สำหรับ ข้อหา "นำรถที่ไม่มีสภาพมั่นคงแข็งแรงมาใช้ในทาง" เป็นข้อหาตาม พระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 5 พ.ศ. 2538 ใน ข้อ 2 คือ สภาพรถและแผ่นป้ายทะเบียนรถ (1) ห้ามมิให้ผู้ใดนำรถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง หรืออาจเกิดอันตรายหรืออาจทำให้เสื่อมเสียสุขภาพอนามัยแก่ผู้ใช้ คนโดยสาร หรือประชาชนใช้ในทางเดินรถ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 ในฐานะคณะทำงานแก้ไขปัญหาจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีหญิงสาวเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ถูกตำรวจออกใบสั่ง ข้อหา รถไม่มั่นคงแข็งแรงสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น หลังจากรถเสียบนถนน โดยยอมรับว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่ไปซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยยืนยันว่า แม้จะมีข้อหา นำรถยนต์ที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรงมาใช้ ตามมาตรา 6 ของพระราชบัญญัติจราจรทางบกจริง แต่อยากให้ตำรวจจราจรทุกนาย พิจารณาว่า เป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาแล้วพบว่า เจ้าของรถ ไม่ดูแลรถยนต์ จนสภาพทรุดโทรม ไม่เหมาะวิ่งบนท้องถนนจริง ก็สามารถแจ้งข้อหาออกใบสั่งได้ แต่หากเกิดจากเหตุสุดวิสัย รถยนต์ขัดข้อง ควรเข้าไปดูแลอำนวยความสะดวกเคลื่อนย้ายรถให้พ้นเส้นทาง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน และลดปัญหาการจราจร ซึ่งจากนี้ จะเสนอผู้บังคับบัญชา ให้ออกหนังสือแจ้งเวียนแจ้งตำรวจจราจรทุกพื้นที่ เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปในแนวทางเดียวกัน พร้อมทบทวน ชี้แจงเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ต้องมีความจำเป็นและเหมาะสม
ทั้งนี้ตนยังฝากถึงประชาชน ก่อนเดินทางควรตรวจสภาพรถ สภาพร่างกายให้พร้อมก่อนเดินทาง เพื่อลดอุบัติเหตุ และปัญหาจราจรบนท้องถนนด้วย