กรมการขนส่งทางบก ระบุหากศาลยืนยัน ว่ามีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีพ ของ “เก่ง เกียร์อาร์” กรมการขนส่งทางบกก็สามารถดำเนินการเพิกถอนได้ทันที
จากกรณีที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถนนรัชดาภิเษก ได้มีการพิจารณาคดี ของนายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ หรือดีเจเก่ง อายุ 35 ปี อดีตดีเจคลื่นวิทยุ 89.5 ในคดีขับรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ สีดำ สี่ประตู ทะเบียน ฌล 9645 กรุงเทพมหานคร ถอยหลังชนรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า ยาริสสีแดง ทะเบียน กษ 8399 ขอนแก่น ของนายกวินกาญจน์ ศรีฤาชา อายุ 32 ปี ถึง 3 ครั้ง บนถนนมิตรไมตรี เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2559 จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ในสังคม
โดยจากการพิจารณาพยาน หลักฐาน และคำสารภาพของจำเลย ศาลจึงตัดสินลงโทษจำคุกนายภัทรศักดิ์ เป็นเวลา 3 เดือน 15 วัน แบบไม่รอลงอาญา และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีวิตรวมถึง อายัดรถกระบะคันดังกล่าว นอกจากนี้ยังต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 170,000 บาท และชดใช้ค่าเสียเวลาวันละ 250 บาท รวม 45 วัน ให้กับคู่กรณี ภายหลังนายภัทรศักดิ์ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 15,000 บาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์จำเลยอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยโดยตีราคาประกัน 15,000 บาท
ต่อมา เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา นายภัทรศักดิ์ ได้โพสต์ภาพลงเฟสบุ๊กส่วนตัว ขณะกำลังถือใบขับขี่ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมระบุข้อความว่า “คุ้มค่ากับการรอคอย 2 ปี 8 เดือน ใครดีกับเราๆ ก็จำ..ใครเลวกับเรา..รอดูผลกรรมมันคับ” จึงเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายในโลกออนไลน์
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ทีมข่าวนิวทีวี ได้มีโอกาสพูดคุย กับรองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) นาย กมล บูรณพงศ์ ได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ล่าสุด กรมการขนส่งทางบก ได้ทำ หนังสือไปยังศาลแขวงพระนครเหนือ เพื่อขอรับทราบผลคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดีของนายภัทรศักดิ์ หากศาลยืนยันว่า คำพิพากษาของศาล มีคำสั่ง ให้เพิกถอนใบอนุญาติขับขี่ของนายภัทรศักดิ์ กรมกรมการขนส่งทางบกจะทำการเพิกถอนทันที
นายกมล กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนการทำใบขับขี่ใหม่ มีการกำหนดคุณสมบัติผู้รับใบขับขี่ มาตรา 46 (9) คือ ต้องไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ ซึ่งมิใช่จากเหตุขาดคุณสมบัติ เรื่องอายุผู้ขอใบอนุญาตขับรถ เว้นแต่ได้พ้นกำหนดสามปีไปแล้ว นับแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ โดยขั้นตอนการขอรับใบขับขี่ มีดังนี้ คือ เข้าอบรมสร้างจิตสำนึกในการขับขี่รถยนต์ ตามระยะเวลาที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ซึ่งต้องผ่านการทดสอบปฏิกิริยาและตรวจสอบสายตา ทั้งตาบอดสี , การทดสอบสายตาทางลึก , การทดสอบสายตาทางกว้าง รวมถึงการทดสอบปฏิกิริยาทางเท้า จากนั้นต้องผ่านการสอบข้อเขียน ตามเกณฑ์ที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด คือ ร้อยละ 90 (สอบ 50 ข้อ ต้องถูกไม่น้อยกว่า 45 ข้อ) และต้องผ่านการทดสอบการขับขี่ เมื่อผ่านการทดสอบจ จึงจะได้ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์แบบชั่วคราว
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงข้อมูลสถิติ จำนวนใบขับขี่แบบตลอดชีพ นายกมล ได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ข้อมูลล่าสุด เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 จำนวนใบขับขี่รถยนต์ตลอดชีพ มีจำนวนทั้งสิ้น 6,173,531 ใบ (หกล้าน หนึ่งเเสน เจ็ดหมื่น สามพัน ห้าร้อย สามสิบเอ็ด ใบ) ส่วนใบอนุญาติขับขี่รถจักรยานยนต์ แบบตลอดชีพ มีจำนวน 5,964,132 ใบ (ห้าล้าน เก้าแสน หกหมื่น สี่พัน หนึ่งร้อย สามสิบสอง ใบ) สำหรับจำนวนใบอนุญาตขับขี่แบบตลอดชีพ เป็นจำนวนที่สะสม ถึงปี 2556 เนื่องจากในช่วงที่กรมการขนส่งทางบกรับข้อมูลมาจากกองทะเบียน กรมตำรวจ ใบขับขี่แบบเดิม ไม่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก กรมการขนส่งทางบก ไม่ได้มีการอัพเดทข้อมูลจำนวนผู้ถือใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีพที่เสียชีวิต หรือ ถึงแก่กรรมจากกระทรวงมหาดไทยแต่อย่างใด