สธ.ลุยตรวจสอบกรณีสาวสักลายติดเอดส์ตาย

2018-09-03 13:30:50

สธ.ลุยตรวจสอบกรณีสาวสักลายติดเอดส์ตาย

Advertisement

สาธารณสุขจังหวัดเลย เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง สาวไปสักลายเเล้วติดเชื้อเอดส์กับเพื่อนรวม 4 คน



จากกรณี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 บ้านน้อยสนามบิน ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย เปิดเผยเรื่องราวของลูกบ้าน หลังได้รับแจ้งว่า ลูกสาวของลูกบ้านคนหนึ่งอายุ 22 ปี เสียชีวิตหลังจากไปสักลาย พร้อมกับเพื่อนๆ โดยแพทย์ตรวจเลือดพบว่า ทั้ง 4 คน ติดเชื้อเอชไอวี และเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ ในวันที่ 31 ส.ค. หลังจากไปสักลายมาไม่นาน จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง




ล่าสุด สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเลย เดินทางไปรับทราบข้อมูล พร้อมให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของราชการ ขณะที่ทางสาธารณสุขจังหวัดเลย ได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องนี้





ด้านเพื่อนคนหนึ่งของผู้ตาย เปิดเผยว่าเมื่อเดือนมิ.ย. ผู้ตายได้มาพักกับตนที่บ้าน โดยบอกว่าป่วยท่อปัสสาวะอักเสบ ให้พาไปโรงพยาบาล แต่จากอาการตนคิดว่าน่าจะเป็นโรคเอดส์ ผ่านไป 1 เดือน อาการหนักขึ้น จึงย้ายกลับไปอยู่บ้านที่ จ.เลย จนมาทราบข่าวอีกว่า ตอนที่เพื่อนมาอยู่กับตนนั้น ป่วยในระยะสุดท้ายแล้ว และไม่คิดว่าเพื่อนจะติดเชื้อจากการสัก แต่ติดจากการมีเพศสัมพันธ์มากกว่า เพราะเพื่อนก็เคยทำงานเป็นโคโยตี้อยู่ที่ซอยนานา

ทางนายสมชาย อริยะ เจ้าของร้านสัก บอกว่า ไม่รู้เรื่องที่มีคนไปสักแล้วตาย แต่ตนจำรอยสักได้ทุกคน ปกติเวลาสักก็จะเปลี่ยนเข็มทุกครั้ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะติดเชื้อเอชไอวี จึงอยากให้ตรวจสอบให้ชัดว่าที่ติดเชื้อนั้นเกิดจากการสักหรือไปมีเพศสัมพันธ์





ด้าน เพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ได้มีการโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า สาววัย 22 ปี และเพื่อน ๆ ของเธอ เสียชีวิตจากอาการติดเชื้อ HIV หลังจากไปสักมาจริงหรือไม่ หรือเสียชีวิตจากสาเหตุอื่น

โดยระบุว่า "ข่าวนี้แปลก คือปกติ เมื่อติดเชื้อ HIV แล้วไม่ได้รับการรักษาใดๆเลย ระยะเวลาตั้งแต่ติดเชื้อ จนไปถึงระยะสุดท้าย ปรกติจะอยู่ที่ 4-11 ปีครับ ถ้าหนึ่งเดือน ไวเกินไป อีกอย่าง ด้วยยาในปัจจุบัน ต่อให้ไปถึงระยะสุดท้าย ก็ยังรักษาให้หายจากเอดส์ ให้ภูมิต้านทานสูงขึ้นได้ มันไม่ใช่โรคร้ายที่เป็นแล้วตายสถานเดียวแบบสมัยหลายสิบปีก่อนแล้ว

ทุกวันนี้เรามียาต้านที่ทำให้คนติดเชื้อมีชีวิตยืนยาวเหมือนปรกติแล้ว สงสัยว่ากรณีนี้เป็นอย่างอื่นรึเปล่า กรณีแบบนี้ควรส่งชันสูตรอย่างละเอียดและติดต่อกองควบคุมโรคไปสอบสวนโรคด่วนๆเลย"