เพิ่งจะรู้ซึ้ง และซาบซึ้งกินใจ กับสำนวนไทยที่ว่า “ไม่เผาผี” อย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ พร้อมตัวอย่างจริง ๆ ก็คราวนี้แหละ ด้วยความเคารพผู้วายชนม์นะครับ ถ้าเป็นประเทศไทย บ้านเราก็จะมีพิธีการขอขมาลาโทษผู้ตาย ล่วงเกินอะไรทางกาย วาจา และใจ ก็อโหสิกรรม ให้อภัยกัน คนตายก็ตายไปแล้ว มักจะเป็นแบบนี้ ซึ่งเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยบาดหมางเล็ก ๆ น้อย ๆ ในกาลก่อน ก็ให้เลิกแล้วต่อกัน ไม่ติดใจกัน
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแค้นอะไรกันรุนแรงถึงขั้น “ไม่เผาผี” กันขนาดนั้น การเมืองมันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่ต้องมีการกระทบกระทั่งกัน โต้เถียงไม่ลงรอยกันบ้าง สมกับวลีที่ว่า “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” แต่ระหว่าง 2 คนนี้ กลับไม่ใช่ แค้นแล้วแค้นเลย คำว่า “ให้อภัย” หรือ “อโหสิ” ลืมไปได้เลย เรียกว่า ผูกพยาบาทอาฆาตกันถึงขนาดตายไปแล้วก็ยังไม่ให้อภัย อย่างนี้คงถึงข้ามภาพข้ามชาติแล้วครับ
ผมกำลังพูดถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับจอห์น แมคเคน พรรครีพับลิกันด้วยกัน
จอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกของรัฐแอริโซนา ซึ่งถึงแก่อสัญกรรม ในวัย 81 ปี ด้วยโรคมะเร็งในสมอง เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยความที่แมคเคน คือ “ยอดคน” วีรบุรุษสงครามเวียดนาม ที่ได้รับการยกย่องเชิดชูอย่างมากจากชาวอเมริกัน คืออดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ 2 สมัย คือทาสผู้รับใช้ประเทศชาติอย่างซื่อสัตย์ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ถือว่ามีคุณูปการมากมาย
ด้วยความที่ เป็นผู้ที่เปิดหน้าวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของประธานาธิบดีทรัมป์ อย่างเผ็ดร้อนถึงพริกถึงขิง แทบจะทุกเรื่อง รวมทั้งกรณีที่ทรัมป์ มักอี๋อ๋อ กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของสหรัฐ โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ทั้ง ๆ ที่สหรัฐกำลังสอบสวนข้อกล่าวหาว่า รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 ที่ทำให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเหนือนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต
ชาวอเมริกันทุกคนเห็นตรงกันว่า แมคเคน คือวีรบุรุษสงครามเวียดนาม มีแต่ทรัมป์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่บอกว่า แมคเคนไม่ได้เป็นวีรบุรุษเลย ที่เขาเป็นวีรบุรุษเพราะถูกจับเป็นเชลยศึกต่างหาก ถือเป็นปฐมบทของความบาดหมางก็ว่าได้ จากนั้นวิวาทะ ก็ตามมาแทบทุกเรื่องที่ทรัมป์คิด มักถูกต่อต้านจากแมคเคน เช่นนโยบายผู้อพยพ ที่ทรัมป์ต้องการปิดพรมแดนเม็กซิโก แมคเคนก็ไม่เห็นด้วย
แมคเคนต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายอย่างหนักหน่วงตลอดทั้งปีนี้ แม้แต่การประชุมรัฐสภาก็ไม่ได้เข้าร่วมแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งแมคเคนและครอบครัว ก็คงจะรู้ดีว่า โรคร้ายครั้งนี้ยากเกินเยียวยา แมคเคนก็ให้หยุดการรักษา เพราะรักษาไปก็เสียเวลาเปล่า กลับไปพักผ่อนอยู่ที่บ้านดีกว่า ซึ่งภาษาบ้านเรา ก็คือ “ทำใจ” แล้ว
เมื่อวันเสาร์ที่ 1 กันยายน ร่างไร้วิญญาณของแมคเคน ตั้งประกอบพิธีแบบรัฐพิธีอย่างสมเกียรติในมหาวิหารแห่งชาติวอชิงตัน มีนักการเมืองระดับแกนนำของทั้ง 2 พรรค และอดีตประธานาธิบดีหลายคนเข้าร่วม
ซินดี แมคเคน ภรรยาของแมคเคน ถึงกับต้องหลั่งน้ำตา เมื่อนักร้องขับขานเพลงอมตะข้ามศตวรรษ “Danny Boy” ต่อหน้าหีบศพของสามีผู้จากไป เพลงที่มีท้วงทำนองซึ้งปนเศร้าที่กล่าวถึงการเอ่ยคำลาเด็กหนุ่มที่กำลังจากบ้านไปแดนไกล และเนื่องจากมีเนื้อหาเกี่ยวกับความอาลัยบุคคลอันเป็นที่รัก ทำให้เพลงนี้ได้รับความนิยมนำไปบรรเลงในพิธีศพบุคคลสำคัญ ๆ ทั้งในงานรำลึกผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 11 กันยายน ตลอดพิธีศพของอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี และเจ้าหญิงไดอาน่าด้วย ซึ่งความไพเราะกินใจยังทำให้ เอลวิส เพรสลีย์ กล่าวว่า เพลงนี้เหมือนถูกประพันธ์ขึ้นโดยนางฟ้าจากสรวงสวรรค์
บารัค โอบามา และจอร์จ ดับเบิลยู บุช 2 อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยขับเคี่ยวกับแม็คเคน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ก็ได้เป็นตัวแทนกล่าวสรรเสริญแมคเคน เช่นเดียวกับน.ส.เมแกน แมคเคน บุตรสาวของแมคเคน ก็ได้กล่าวคำสรรเสริญผู้เป็นบิดาด้วยน้ำตาและเสียงสะอื้นไห้สะเทือนใจ ซึ่งพุ่งเป้าซัดทรัมป์อย่างตรงไปตรงมา ที่ลบหลู่บิดาของเธอที่ถูกจับในสงครามเวียดนาม โดยกล่าวโจมตีไปที่สโลแกนหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ "Make America Great Again" ว่า อเมริกาของจอห์น แมคเคน ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ เพราะอเมริกานั้นยิ่งใหญ่อยู่แล้ว
“The America of John McCain has no need to be made great again because America was always great.”
เรียกเสียงปรบมือจากแขกที่ไปร่วมในพิธีศพที่ไม่มีทรัมป์ แต่แขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมพิธีศพของแมคเคน นอกจากนักการเมืองจาก 2 พรรคแล้ว ยังมีสมาชิกระดับสูงสุดของรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งรวมทั้งอีวานกา ทรัมป์ บุตรสาวของทรัมป์และจาเรด คุชเนอร์ ลูกเขย เข้าร่วมในพิธีนี้ด้วย และยังมีจอห์น เคลลี ประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว และนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ส่วนแขกสำคัญคนอื่น ๆ ก็รวมทั้ง อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ, นายมิทท์ รอมนี อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน, เจย์ เลโน นักแสดงตลกชื่อดัง และบ็อบ โดล อดีดวุฒิสมาชิก และจอห์น แคร์รี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของพรรคเดโมแครต ซึ่งก็เป็นวีรบุรุษในสงครามเวียดนามอีกคนหนึ่ง
ไม่รู้ว่า สีหน้าแววตาของอีวานกา เป็นอย่างไรเมื่อได้ฟังถ้อยประโยคดังกล่าว
แมคเคน ซึ่งถือว่าเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์คนสำคัญต่อทรัมป์ ได้ออกมาย้ำชัดในคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายขณะต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งสมองว่า ไม่ต้องการให้ทรัมป์มาร่วมงานศพของเขา ส่วนทรัมป์ก็ต้องรอหลายวันหลังการถึงแก่อสัญกรรมของแมคเคน ถึงได้กล่าวแสดงความอาลัยและสั่งลดธงครึ่งเสาทั่วประเทศ หลังถูกกระแสกดดันอย่างหนัก
ส่วนในวันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน จะมีการประกอบพิธีฝังศพแมคเคนเป็นการส่วนตัวในเมืองแอนนาโพลิส รัฐแมรีแลนด์ ที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐ ซึ่งแมคเคนเคยเข้าเรียนในปี 2501
ตัดภาพไปที่ ทำเนียบขาว ธงชาติยังปลิวไสวอยู่ครึ่งเสา ทรัมป์เดินออกจากทำเนียบขาวและขึ้นรถคันหนึ่ง มุ่งหน้าสู่สนามกอล์ฟทรัมป์ เนชั่นแนล กอล์ฟ คลับในเขตลูดูน รัฐเวอร์จิเนีย ชานกรุงวอชิงตัน เมื่อเวลาประมาณ 11.16 น.ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อตีกอล์ฟและระดมทุนเข้าพรรค ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการกล่าวคำสรรเสริญให้กับแมคเคน ในพิธีศพที่จัดขึ้นในเวลาเดียวกันที่มหาวิหารแห่งชาติวอชิงตัน กระทั่งขบวนรถของทรัมป์ลับตาไป
ความบาดหมาง ความเกลียดชัง แม้ระดับคนสำคัญของประเทศ ก็ไม่เจือจางกระทั่งตายจากกันไปข้างหนึ่ง ทำให้นึกถึงพุทธสุภาษิตบทนี้
อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ อชินิ มํ อหาสิ เม
เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ เวรํ เตสํ น สมฺมติ.
ผู้ใดผูกอาฆาตว่า เขาได้ด่าเรา ได้ฆ่าเรา ได้ชนะเรา ได้ลักของของเรา ดังนี้ เวรของผู้นั้นย่อมไม่ระงับ.
ด้วยความอาลัยต่อจอห์น แมคเคน
2/9/61
สันติ สร้างนอก