ชายหนุ่มเครียดจัดยอดขายยำปูม้าตกเงินขาดมือใช้อาวุธปืนยิงตัวตายหนีปัญหาวงจรปิดจับภาพชัดก่อนกระสุนปืนคร่าชีวิต
เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 1 ก.ย. ร.ต.อ.วัชระพงษ์ เทียนประถัมภ์ รองสว.(สอบสวน)สภ.คลองหลวง รับแจ้งมีเหตุยิงตัวตายที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 6/172 หมู่บ้านราชพฤกษ์1 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยกำลังชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู แพทย์เวรร.พ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์สูง 2 ชั้น บริเวณหน้าบ้านพบศพผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย ทราบชื่อนายเกรียงไกร จ้อยเล็กหรือวิทย์ อายุ 35 ปี สภาพศพนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเบาะรถยนต์ที่นำมานั่งแทนโซฟา มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ขมับขวาทะลุซ้ายคมกระสุนทะลุไปโดนรถเข็นเด็กและกำแพงบ้านจนเป็นรูโหว่ ข้างกันพบอาวุธปืนขนาด9มม.ตกอยู่1กระบอก ปลอกกระสุน1นัด กระสุนคารังเพลิง1นัดและในแม็กกาซีน 6 นัดเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เพื่อทำการตรวจสอบ
ทางด้านน.ส.เหมือนขวัญ ชุนฉาย อายุ 19 ปี เปิดเผยว่า บ้านหลังนี้มีพักอาศัยด้วยกัน 5 คน โดยขณะเกิดเหตุตนเองและพ่อกับแม่ของตนกำลังช่วยเลี้ยงลูกชายวัย 10 เดือน ที่เป็นของตนเองกับผู้ตายทันใดนั้นได้ยินเสียงดังโครมใหญ่เกิดขึ้น1ครั้ง จึงออกมาดูคิดว่าสามีนั้นคงจะลื่นล้มแต่เห็นเลือดและอาวุธปืนจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประสานหน่วยกู้ภัยเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ก่อนจะมาพบว่าสามีเสียชีวิตแล้วซึ่งตนเองคาดว่ามาจากความเครียดเพราะทุกคนในบ้านมีอาชีพขายยำปูม้าตามตลาดนัดในต.คลองสาม อ.คลองหลวง จงปทุมธานี แต่มาระยะหลังรายได้ตกลูกค้าลดน้อยลงทำให้เงินไม่พอใช้จ่าย เพราะบ้านก็ต้องเช่ารวมทั้งต้องหาเงินมาดูแลลูกอ่อนจึงก่อเหตุยิงตนเองเพราะความเครียด ในส่วนอาวุธปืนตนเองไม่ทราบว่าไปนำมาจากที่ใดเพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นมาก่อน
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของนิติบุคคลพบว่า กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้ขณะผู้ตายก่อเหตุยิงตนเอง โดยพบว่าผู้ตายนำปืนขึ้นมาแล้วนำมาจ่อที่ศีรษะตนเองยกอาวุธปืนขึ้นลงอยู่ประมาณ4ครั้งเหมือนเป็นการชั่งใจก่อนเวลาผ่านไปประมาณ4นาที จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ศีรษะตนเองทำให้ร่างเอียงลงไปกองอยู่ที่พื้นบ้าน
ทางด้านร.ต.อ.วัชระพงษ์ เทียนประถัมภ์ รองสว.(สอบสวน)สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บพยานหลักฐานดีเอ็นเออย่างละเอียดรวมทั้งจะได้สอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ร.พ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป